‘ประยุทธ์’ประชุมก.ตร.พิจารณาปลดออก-ไล่ออก 42 ตร.เอี่ยวค้ายาเสพติด-ต้องคดีอาญา ผิดวินัยร้างแรง กำชับใครทำผิดต้องรับโทษจริงจังชม’จักรทิพย์’ผู้บังคับบัญชาต้องมีทั้งให้คุณ ให้โทษ

‘ประยุทธ์’ประชุมก.ตร.พิจารณาปลดออก-ไล่ออก 42 ตร.เอี่ยวค้ายาเสพติด-ต้องคดีอาญา ผิดวินัยร้างแรง กำชับใครทำผิดต้องรับโทษจริงจังชม’จักรทิพย์’ผู้บังคับบัญชาต้องมีทั้งให้คุณ ให้โทษ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) วันที่ 25 มิ.ย. 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 5/2563 โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ รอง ผบ.ตร. เข้าร่วมประชุม ใช้เวลาประมาณ  1 ชั่วโมง

 

ภายหลังการประชุม พล.อ. ประยุทธ์ แถลงว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงการลงโทษทางวินัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีหลายรายด้วยกัน มีทั้งไล่ออก ปลดออก และเรื่องของการให้ความเป็นธรรม ที่มีการเปิดให้อุทธรณ์บางส่วนตามที่มีหลักฐานที่รับได้ ซึ่งทางลงโทษทางวินัยก็มีในเรื่องของการให้ความเมตตา มีการลดโทษอะไรต่างๆ อย่างที่เคยพูดไว้ถ้าทำไม่ดีก็ต้องถูกลงโทษ คนดีก็ต้องสนับสนุนทำงานต่อไป

 

“อีกเรื่องผมให้คำชมเชยกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในฐานะผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และที่ปรึกษาคณะผู้ช่วยต่างๆที่ได้รายงานความคืบหน้า ผมจึงให้นโยบายไปว่าต้องสร้างการรับรู้เป็นระยะๆการลงโทษทางวินัยอะไรก็แล้วแต่ถ้ามองย้อนกลับไปจะเห็นว่าเราลงโทษไปไม่น้อยๆบางทีเราก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญในเรื่องนี้แล้วปัญหาใหม่ๆก็เข้ามา ความผิดใหม่ๆก็เข้ามา โดยที่หลายคนไม่เข้าใจว่าเราดูแลกันอย่างไร ในฐานะที่ตนกำกับดูแล สตช.จึงให้ความสำคัญในเรื่องนี้ การเป็นผู้บังคับบัญชาคนมี 2 อย่าง คือให้คุณกับการให้โทษให้เหมาะสม ต้องลงโทษตามโทษานุโทษไปให้ได้”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

ด้านพล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า  นายกฯ ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ ในการสนองนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ส่วนการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ความผิดที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ให้ตำรวจดำเนินคดีอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยใช้กฎหมายเป็นตัวตั้ง ให้ใช้หลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ควบคู่กัน  นอกจากนี้นายกฯ กำชับเกี่ยวกับการผ่อนคลายล็อกดาวน์ซึ่งจะเข้าสู่ระยะที่ 4-5  มีหลายกิจกรรมที่ต้องให้ฝ่ายความมั่นคงทั้งตำรวจและทหารช่วยกันกำกับดูแล เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถปฏิบัติหน้าที่ด้วยความราบรื่น และคนไทยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

 

“ประเด็นต่อมานายกฯ กำชับว่าขณะนี้มีอาชญากรรมหลายอย่างที่กระทบต่อชีวิตพี่น้องประชาชน ให้ตำรวจดำเนินการอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ยกตัวอย่าง การกวาดล้างยาเสพติด กลุ่มนายทุนในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนี้นอกระบบ การพนันออนไลน์ หรือนายทุนที่รับจำนำรถในบ่อนการพนัน ตำรวจต้องสร้างความเชื่อมั่นโดยการทำงาน ขอให้ตำรวจเป็นกลไกสำคัญในการทำงานวิถีใหม่ นิวนอร์มอล รวมไทยสร้างชาติ เน้นการทำงานโปร่งใส ลดขั้นตอนการปฏิบัติ”โฆษกตร.ระบุ

 

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวด้วยว่า ประเด็นสุดท้าย นายกฯ กำชับ เกี่ยวกับบทบาทของผู้บังคับบัญชา ที่จะต้องให้ทั้งคุณและโทษกับผู้ใต้บังคับบัญชา ในกรณีที่ตำรวจทำผิดในรูปแบบต่างๆ ต้องลงโทษอย่างจริงจัง ซึ่งในที่ประชุมวันนี้ มีการพิจาณาปลดออกไล่ออกข้าราชการตำรวจที่กระทำผิด จำนวน 42 นาย เป็นกรณีของการละทิ้งหน้าที่เกินกว่า 15 วันเกี่ยวพันกับยาเสพติด  กรณีต้องหาคดีอาญา  และกระทำผิดวินัยร้ายแรง ตำรวจต้องปรับแนวทางในการตอบแทนความดีความชอบให้กับข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเหนื่อยยาก โดยแบ่งเป็นกลุ่มงาน อาทิ ตำรวจที่ทำหน้าที่ในการปราบปรามยาเสพติด การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และเรื่องการค้ามนุษย์ อยากให้มีการพิจารณาตอบแทนตำรวจที่ทำหน้าตรงนี้ด้วย