นักธุรกิจหาดใหญ่หอบหลักฐานคดีฆ่า’ร.ต.อ.วัชรินทร์’ชงดีเอสไอพร้อมขอคุ้มครองพยานหลังถูกตามสะกดรอย

นักธุรกิจหาดใหญ่หอบหลักฐานคดีฆ่า’ร.ต.อ.วัชรินทร์’ชงดีเอสไอพร้อมขอคุ้มครองพยานหลังถูกตามสะกดรอย

เมื่อวันที่29 เม.ย.62 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายพินิจ รุจิรวนิช นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พร้อมทนายยื่นเรื่องคำร้องขอเข้ารับการคุ้มครองพยานและนำหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมในคดีลอบฆ่า ร.ต.อ วัชรินทร์ เบญจทศวรรษ ต่อ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ โดยมีพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้รับเรื่อง

นายพินิจ กล่าวว่า ตนยื่นคำร้องเพื่อขอเข้ารับการคุ้มครองพยานจากดีเอสไอเพราะหลังจากร.ต.อ.วัชรินทร์ เสียชีวิตตนมีความรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย เนื่องจากที่ผ่านมาเคยได้รับความช่วยเหลือด้านกฎหมายและคำแนะนำในการต่อสู้คดีที่ถูกอดีตภรรยาและบุคคลใกล้ชิดฟ้องร้องถึง 20 คดี บางคดีพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสั่งฟ้อง บางคดีต้องเดินทางไปขึ้นศาล แต่ปรากฏว่า มีผู้ขับรถตามตลอดระหว่างที่เดินทางไป-กลับบ้านและขึ้นศาล ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งที่ผ่านตนไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งกับใครนอกจากอดีตภรรยาและนายตำรวจยศ พ.ต.อ.รายหนึ่ง ที่มีปัญหาการฟ้องร้องคดียักยอกที่ดินซึ่งเป็นสินสมรส มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท โดยศาลได้มีคำสั่งจำคุกอดีตภรรยาเป็นเวลา 2 เดือน ปรับ 2 หมื่นบาท แต่ให้รอลงอาญา ส่วนพ.ต.อ.คนดังกล่าวศาลสั่งให้จำคุก 1 เดือน ไม่รอลงอาญา แต่ก็ได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดีแล้ว

“ที่ผ่านมาผมได้คำแนะนำจากร.ต.อ.วัชรินทร์ ทั้งการเก็บหลักฐานและพยาน เพื่อนำมาต่อสู้คดีในชั้นพนักงานสอบสวนและในชั้นศาลเป็นประโยชน์ต่อคดีอย่างเห็นได้ชัด จึงอยากขอความช่วยเหลือเพราะคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพล”นายพินิจกล่าว

ด้านพ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ญาติและครอบครัวของร.ต.อ.วัชรินทร์ ได้เข้ามาขอให้ดีเอสไอคุ้มครองพยานแล้ว ส่วนหลักฐานสำคัญที่ทนายความและคำร้องที่นายพินิจยื่นเข้ามาก็จะรับดำเนินการให้ สำหรับคดีดังกล่าวขณะนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอและศูนย์ปฎิบัติการพิเศษภาค จ.สงขลา อยู่ระหว่างการลงพื้นที่เก็บข้อมูลและตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนการคุ้มครองพยานไม่สามารถชี้แจงกับสาธารณะได้ว่าให้หรือไม่ให้การคุ้มครอง เพราะเจ้าหน้าที่จะแจ้งโดยตรงกับครอบครัวหรือผู้ร้อง เพราะถือเป็นความลับซึ่งคณะกรรมการพิจารณาคุ้มครองพยานจะใช้ดุลยพินิจสั่งการลงมา ในส่วนของหลักฐานสำคัญที่นำมามอบให้นั้นดีเอสไอจะนำไปประกอบสำนวนการสืบสวนต่อไป

“ขณะนี้คดีดังกล่าวยังถือเป็นคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจ แต่ดีเอสไอได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ขึ้นอยู่การรวบรวมพยานหลักฐานว่าคดีมีความซับซ้อนหรือเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลหรือไม่อย่างไร สุดท้ายต้องขั้นอยู่กับมติของคณะกรรมการคดีพิเศษ”รองโฆษกดีเอสไอ กล่าว