อำนาจเป็นพิษ!ใช้ม.44เด้ง’โจ๊ก’พ้นจากตำรวจเป็นขรก.พลเรือนที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกฯ

อำนาจเป็นพิษ!ใช้ม.44เด้ง’โจ๊ก’พ้นจากตำรวจเป็นขรก.พลเรือนที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกฯ

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนพิเศษ 90 ง เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 2/2562 เรื่องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่มเติม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

เนื้อหาระบุว่า ตามที่ได้มีคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบและการกําหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2558 นั้น

อําศัยอํานาจตามความในข้อ 1 และข้อ 5 ของคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบและการกําหนดกรอบอัตรากําลังชั่วคราว ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2558 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เห็นสมควรประกาศรายชื่อบุคคลเพิ่มเติม จากรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558 และแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตามกรอบอัตรากําลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ในสํานักนายกรัฐมนตรี จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสํานักงานตรวจคนเข้าเมือง สํานักงานตํารวจแห่งชาติ อยู่ในบัญชีรายชื่อเพิ่มเติมตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558 ตามความในข้อ 5 ของคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558

ข้อ 2 ให้ข้าราชการตำรวจตามข้อ 1 ขาดจากตําแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิม ในสํานักงานตํารวจแห่งชาติ เพื่อโอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสํามัญ ประเภทบริหารระดับสูง และแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรี(นักบริหารระดับสูง) ตามข้อ 1 วรรคหนึ่ง ของคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558

ข้อ 3 ให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง, ข้อ 4 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 5 เม.ย. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีคําสั่งสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ที่ 2 32/2562 เรื่อง ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ เพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และข้อ 8 (1) แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสํานักงานตํารวจแห่งชาติ พ.ศ.2552

จึงให้พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติอาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 5 เมษายน 2562

หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 8 เม.ย.พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้เดินทางไปรายงานตัวที่ศปก.ตร.แล้ว และต่อมาเมื่อวันที่ 9เม.ย.หัวหน้าคสช.ได้มีคำสั่งโอนมาเป็นข้าราชการพลเรือนพ้นจากเส้นทางตำรวจอย่างสิ้นเชิง

ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.มีมติรับทราบการโอนย้าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จาก ผบช.สตม. มาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนขั้นตอนต่างๆ รวมไปถึงรายละเอียดเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา

ในเวลา 16.45 น.พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลงานสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้ารายงานตัวและรับทราบภารกิจหน้าที่ในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาเข้าพบเพียง 10 นาที

ทั้งนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดินทางมาโดยแต่งกายในชุดธรรมดา ไม่ได้แต่งเครื่องแบบ และมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีอาการเคร่งเครียดใดๆ

ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) อาคาร 1 ชั้น 20 ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ช่วงเช้า พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. เป็นประธานในการประชุม ศปก.ตร. เพื่อวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับตำรวจหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศ ประจำวัน ทาง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ก็ได้เข้าร่วมประชุม ศปก.ตร.ด้วย โดยนั่งอยู่ในห้องประชุมทางที่นั่งฝั่งซ้ายด้านหลังห้องประชุม โดยมีสีหน้าเรียบเฉย และพูดคุยกับประธานการประชุมและผู้เข้าร่วมประชุมตามปกติ และเมื่อเสร็จสิ้นการประชุม ศปก.ตร. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ก็เดินทางออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติทันที

ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เดินเลี่ยงกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ไปรอสัมภาษณ์ ทางตำรวจสันติบาลได้ห้ามสื่อมวลชนเข้าไปในบริเวณห้องโถงของอาคาร 1 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ ผบ.ตร.ต้องเดินผ่านเพื่อขึ้นลิฟต์ไปสำนักงานบริเวณชั้น 4

ช่วงเย็น ฝ่ายเลขานุการฯ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้ส่งหนังสือแจ้งกรรมการ ก.ตร. กรณีการนัดประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 4/2562 ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นประธาน เวลา 13.30 น. วันที่ 10 เม.ย.62 นั้น เนื่องจากประธานติดภารกิจ จึงขอเลื่อนออกไปก่อน และจะแจ้งนัดประชุม ก.ตร.อีกครั้ง

“เดิมการประชุม ก.ตร.ครั้งนี้จะมีวาระแต่งตั้งโยกย้าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไปประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และแต่งตั้งผู้ที่จะมาเป็น ผบช.สตม.ทดแทน แต่ด้วยหัวหน้า คสช.มีคำสั่งให้โอนย้าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ไปเป็นข้าราชการพลเรือนประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการแต่งตั้งขั้นตอนตามกฎหมายยังไม่สมบูรณ์ จึงต้องเลื่อนออกไปก่อนไม่มีกำหนด” แหล่งข่าว ระบุ

มีรายงานว่า สาเหตุการโยกย้ายพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพล.ต.อ.ประวิตร และเป็นคนจัดโผการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับสว.-รองผบก.ครั้งล่าสุด โดยนำคนของตัวเองลงพื้นที่สำคัญทำให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่จนนำไปสู่การตรวจสอบพบปัญหาในการแต่งตั้งโยกย้ายและเรื่องอื่นๆนำไปสู่การสั่งเด้งดังกล่าว และเป็นที่จับตาว่าจะมีการสอบสวนตามคำสัั่งหัวหน้าคสช.ที่12/2558อย่างไรต่อไป