‘กระทรวงมหาดไทย’ จับ บ่อนใหญ่’  ผู้มีหน้าที่รักษากฎหมาย หายหัวไปไหน?

‘กระทรวงมหาดไทย’ จับ บ่อนใหญ่’ ผู้มีหน้าที่รักษากฎหมาย หายหัวไปไหน?

     ยุติธรรมวิวัฒน์

                         “กระทรวงมหาดไทย” จับ“บ่อนใหญ่”  ผู้มีหน้าที่รักษากฎหมาย หายหัวไปไหน?

 

                                                                     พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร

 

                นอกจากความชุลมุนวุ่นวายในองค์กรรักษากฎหมายที่เรียกกันหรูหราว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยเหตุตำรวจผู้ใหญ่หลายระดับกลายเป็น คนร้ายมีเครื่องแบบ ถูกจับกันมากมาย

จนประชาชนไม่สามารถแยกแยะว่าแต่ละคนที่เดินๆ กันอยู่ ใครคือตำรวจ ใครเป็นอาชญากรร้าย

เพราะไม่ได้มีการ “สั่งพักราชการ” หรือ “ให้ออกจากราชการไว้ก่อน” แล้ว

งานรักษากฎหมายของรัฐง่ายๆ ก็กลายเป็นเรื่องแสนยาก

ซ้ำนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี ยังเข้าใจว่า เป็นความขัดแย้งที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันและกัน ส่อจะลุกลามบานปลายจนไม่อาจหาข้อยุติได้!

จึงได้ออกคำสั่งให้ทั้งคนที่เป็นผู้ต้องหาและ ผบ.ตร.หัวหน้าผู้รักษากฎหมายพ้นจากหน้าที่ชั่วคราว

ท่ามกลางความงุนงงของผู้คนว่า การปฏิบัติงานรักษากฎหมายถูกพูดจนมั่วให้กลายเป็นความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างบุคคลไปได้อย่างไร?

ถ้าหากนายกฯ สั่งให้ ผบ.ตร.ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเนื่องจากไม่มีความสามารถในการปราบบ่อนพนันสารพัดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ที่เกิดขึ้นทั่วไทย จน นายอนุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและอธิบดีกรมการปกครอง ผู้ว่าฯ นายอำเภอ ต้องอดหลับอดนอนนำกำลัง อส.ไปสืบจับเอง

คนไทยทั้งประเทศยังจะเห็นว่ามีเหตุผลสมควรในการ “สั่งเด้ง” ยิ่งกว่า

ปัญหาบ่อนพนันทุกประเภทนั้น อันที่จริง เป็นเรื่องแสนง่าย ที่ ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าตำรวจผู้รักษากฎหมายผู้มีอำนาจสั่งราชการและแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจทุกระดับได้ จะจัดการให้หมดไปในเวลาชั่วพริบตา

แค่ เพียงพูดผ่านสื่อว่า ถ้าสืบทราบพื้นที่ใดมีบ่อนพนันขนาดใหญ่ หรือมีตำรวจหน่วยอื่นไปจับกุมได้ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยฝ่ายปกครอง

จะ สั่งสำรองราชการ หัวหน้าสถานี ผู้บังคับการ และ ผู้บัญชาการตำรวจพื้นที่ นั้นทันที

เพราะถือว่าเป็นผู้ไม่มีความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่รักษากฎหมาย จำเป็นต้องให้ตำรวจคนอื่นไปทำงานแทน

โดยไม่ต้องตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า จะมีปัญหาเรื่องใครรับส่วยสินบนอะไรหรือไม่

และย้ำกำชับว่า ถ้าได้ยินหัวหน้าหน่วยตำรวจคนใดพูดเรื่องบ่อนพนันแก้ไขหรือปราบปรามให้หมดไปยาก เพราะเป็นนิสัยสันดานของคนไทยมาแต่ไหนแต่ไร หรือตำรวจจำเป็นต้องหาเงินมาใช้ในการทำงาน!

ก็จะสั่งให้ตำรวจคนนั้นไปปฏิบัติหน้าที่อื่นที่ไม่เกี่ยวกับการป้องกันอาญากรรมทันที โดยจะให้ตำรวจคนที่บอกว่า “ปราบง่าย” มาทำแทน

ทั้งรัฐบาล สื่อมวลชนและประชาชนทุกคนต้อง เลิกงง เลิกโง่ กันต่อไปได้แล้ว!

เป็นที่ทราบกันดีว่า ปัญหาแหล่งอบายมุขโดยเฉพาะบ่อนพนันผิดกฎหมาย นอกจากจะทำให้ประชาชนลุ่มหลงงมงายไม่เป็นอันทำงานทำการเล่นกันจนหมดเนื้อหมดตัว ครอบครัวแตกแยกกันมากมาย

ยังเป็น แหล่งเพาะอาชญากรรมร้าย ให้เกิดขึ้นในสังคมไทยมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นการลัก วิ่ง ชิง ปล้น ฉ้อโกง ฉ้อฉล ไปจน การทำร้ายและฆ่าคนตาย!

เนื่องจากบ่อนพนันผิดกฎหมาย ผู้คนที่เข้าไปเล่นแล้วเป็นหนี้ ไม่สามารถฟ้องคดีต่อศาลบังคับให้ชดใช้เงินกันได้

ทุกแห่งจึงต้อง เลี้ยงนักเลง หรือ มือปืนรับจ้าง เอาไว้ เพื่อใช้ประโยชน์ทั้งเพื่อคุ้มครองความปลอดภัย และรับจ้างทวงหนี้ที่ฟ้องคดีกันไม่ได้

หัวหน้าตำรวจทุกระดับตั้งแต่ผู้กำกับ ผู้บังคับการ ผู้บัญชาการ หรือแม้กระทั่ง ผบ.ตร. ที่ไม่สนใจในการปราบบ่อนพนันทั้งออฟไลน์หรือออนไลน์ ไม่ว่าจะได้รับส่วยสินบนอะไรอย่างที่ประชาชนส่วนใหญ่คิดเช่นนั้นกันหรือไม่

แท้จริงทุกคนคือ ผู้สร้างอาชญากรรมและอาชญากรร้ายให้เกิดขึ้นในสังคมไทย!

ยิ่งตำรวจผู้ใหญ่ที่รู้เห็นเป็นใจให้มีการเปิดบ่อนพนัน โดยรับส่วยสินบนเป็นการตอบแทน ไม่ว่าการรับจาก นายบ่อน โดยตรง หรือตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาเก็บรวมนำมาส่งให้เป็นรายเดือน

ตำรวจเหล่านี้แท้จริงคือ อาชญากรร้ายในเครื่องแบบ ที่ ซ่อนตัวอยู่ในองค์กรรักษากฎหมายของชาติ

เป็น มะเร็งร้าย ที่กัดกินร่างกาย คือสังคมไทยมาช้านาน

ถ้า นายเศรษฐา หัวหน้ารัฐบาล ไม่รีบจัดการปัญหา คนร้ายมีเครื่องแบบและชั้นยศต่างๆ ให้หมดไปในเร็ววัน

ในอนาคต สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะกลายเป็น “องค์กรอาชญากรรม” ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!

จนประชาชนแยกไม่ออกว่า หัวหน้าตำรวจผู้รักษากฎหมายทั้งระดับสถานี จังหวัด และกองบัญชาการ

ใครคือตำรวจ ใครเป็น คนร้ายแต่งเครื่องแบบ ที่ซ่อนตัวอยู่ ใช้เงินงบประมาณและอาคารสถานที่ของรัฐ โดย “มีกฎหมายเป็นเครื่องมือ” ออกปล้นประชาชนอยู่ทุกวันบ้าง!.

ที่มา:  นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ : ฉบับวันที่ 25 มี.ค. 2567