กมธ.กฎหมายฯเอาจริง!ไม่รับชี้แจงจนท.ปัญหาสถานบันเทิงผิดกม.แจ้งให้กลับไปแล้วเชิญผบ.ตร.อีกครั้ง

กมธ.กฎหมายฯเอาจริง!ไม่รับชี้แจงจนท.ปัญหาสถานบันเทิงผิดกม.แจ้งให้กลับไปแล้วเชิญผบ.ตร.อีกครั้ง

 

ที่รัฐสภา  เวลา 09.30 น.-12.00น. วันที่ 7 ต.ค. 2563  คณะกรรมาธิการ(กมธ.) กฎหมายและการยุติธรรม สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายสิระ  เจนจาคะ สส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน มี กมธ.เช่น นายรังสิมันต์ โรม  และ นายสุทัศน์  เงินหมื่น ที่ปรึกษา และ สส.อีกหลายคน ได้มีการพิจารณาปัญหาสถานบันเทิงผิดกฎหมาย  ทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาตและเปิดเกินเวลาซึ่งมีอยู่มากมายทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดเนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนต่อกมธ. ว่าได้รับความเดือดร้อนอยู่ตลอดเวลา

โดยนายสิระ กล่าวว่า แม้กระทั่งผู้ว่าราชการบางจังหวัดก็เคยร้องเรียนกับตนว่า มีสถานบันเทิงเปิดเกินเวลาและผิดกฎหมายอยู่ที่หน้าบ้านพัก  ก็ยังไม่รู้จะจัดการอย่างไรเลย  เนื่องจากในข้อเท็จจริงผู้ว่าฯ ไม่ได้มีอำนาจในการปกครองบังคับบัญชาข้าราชการหน่วยงานอื่น โดยเฉพาะตำรวจซึ่งเป็นกลไกการรักษากฎหมายที่สำคัญที่สุดในจังหวัด

โดยได้มีหนังสือเชิญปลัดกระทรวงมหาดไทย  เลขาธิการ ปปส. และอธิบดีกรมคุมประพฤติ รวมทั้ง ผบ.ตร. และ ผบช.น. มาชี้แจงว่าเหตุใดจึงปล่อยให้มีปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นทั่วไป  รวมทั้งข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน ปรากฏว่า ทุกหน่วยงานได้ส่งตัวแทนในระดับที่เหมาะสมมาชี้แจงอย่างพร้อมเพรียง  แต่ ผบ.ตร. และ ผบช.น. กลับมอบให้ตำรวจแค่ระดับพันตำรวจโทและพันตำรวจเอกมาชี้แจงแทน  ซึ่งถือว่าไม่ใช่หัวหน้าหน่วยหรือเจ้าหน้าที่ในระดับนโยบายที่จะตอบคำถามต่างๆ ของ กมธ.ในภาพรวมทั้งประเทศได้

ที่ประชุมจึงได้แจ้งว่า ไม่สามารถรับฟังคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ได้ เพราะไม่ใช่ตัวแทน ผบ.ตร.และ ผบช.น จะทำให้เสียเวลาเปล่าๆ  จึงได้เชิญให้กลับไป

หลังจากนั้นได้มีมติให้มีหนังสือเชิญ ผบ.ตร. และ ผบช.น มาชี้แจงอีกครั้ง   ซึ่งหากยังไม่ได้รับความร่วมมือมาชี้แจง  ก็ให้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียกมาชี้แจงต่อไป

ต่อมาที่ประชุมได้รับฟังคำชี้แจงการปฏิบัติจากผู้แทนปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมคุมประพฤติเป็นหลัก  และได้ซักถามถึงปัญหาและข้อขัดข้อง ก็ได้รับแจ้งว่า  มีปัญหาผู้มีหน้าที่รักษากฎหมายคือตำรวจหน่วยต่างๆ ไม่ได้ทำหน้าที่ของตน  กระทรวงมหาดไทยจำเป็นต้องจัดชุดปฏิบัติการตามคำสั่ง คสช.ขึ้นดำเนินการ  ซึ่งก็มีข้อจำกัดอยู่มาก  เพราะไม่ได้ถูกจัดกำลังไว้อย่างเพียงพอที่จะออกปฏิบัติได้อย่างทั่วถึงทั้งประเทศ  แม้กระทังอำเภอและจังหวัด ก็ไม่ได้มีกำลังมากเท่าตำรวจผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจตราป้องกันโดยตรง

รวมทั้งอำนาจสอบสวนดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.สถานบริการ รวมทั้ง พ.ร.บ.การพนัน ที่จะทำให้สามารถสืบสาวถึงตัวผู้กระทำผิดและผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงได้  ก็ถูกแก้ไขตัดออกไปเมื่อหลายปีก่อน   ทำให้เมื่อฝ่ายปกครองจับกุมแล้ว  ก็ต้องส่งให้ฝ่ายตำรวจที่อาจเป็นผู้บกพร่องต่อหน้าที่หรือแม้กระทั่งหัวหน้าหน่วยที่มีพฤติการณ์ทุจริตรับส่วยสินบนจากสถานบันเทิงผิดกฎหมายเหล่านี้  เป็นผู้รับผิดชอบการสอบสวนทั้งหมด  ทำให้ส่วนใหญ่ไม่สามารถสืบสาวไปถึงตัวการกระทำผิดที่แท้จริงได้

ในส่วนนี้  จึงควรออกกฎกระทรวงมหาดไทยเพิ่มเติมให้ฝ่ายปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอมีอำนาจสอบสวนความผิดตามกฎหมายสอง พ.ร.บ.นี้เช่นเดิมด้วย ซึ่งจะทำให้กระทรวงมหาดไทยสามารถแก้ปัญหานี้ได้ดียิ่งขึ้นอย่างแท้จริง