งามใส้!แก๊งตำรวจพัทยาร.ต.อ.นำ 4ตำรวจอาสาจับหนุมวัย22เข้าเซฟเฮ้าส์-รีด3แสนแลกข้อหายาเสพติด รองโฆษกตร.ตกร่องแต่ละปีมีการลงโทษวินัยมากมาย

งามใส้!แก๊งตำรวจพัทยาร.ต.อ.นำ 4ตำรวจอาสาจับหนุมวัย22เข้าเซฟเฮ้าส์-รีด3แสนแลกข้อหายาเสพติด รองโฆษกตร.ตกร่องแต่ละปีมีการลงโทษวินัยมากมาย

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2563 มีรายงานว่า ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดชลบุรี ได้เข้าจับกุมแก๊งตำรวจพัทยาอุ้มรีดไถ เพื่อแลกเปลี่ยนกับอิสรภาพ ประกอบด้วย ตำรวจยศ ร.ต.อ. ระดับรอง สวป.สภ.เมืองพัทยา 1 นาย และตำรวจอาสาอีก 4 คน โดยมีพฤติกรรมอุ้มเหยื่อที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวพันกับยาเสพติด แล้วนำไปรีดไถในบ้านหลังหนึ่งภายในซอยเทพประสิทธิ์ ก่อนปลดทรัพย์สินและเงินสดแล้วปล่อยตัว หลังจากเหยื่อถูกปล่อยตัว ได้เข้าไปร้องเรียนกับตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดชลบุรี และเข้าจับกุมได้ในที่สุด โดยแก๊งตำรวจพัทยาที่ก่อเหตุถูกออกหมายจับและส่งดำเนินคดีที่ศาลจังหวัดพัทยา ในข้อหาซ่องโจร กักขังหน่วงเหนี่ยว และกรรโชกทรัพย์ ศาลพัทยาคัดค้านการประกันตัว

 

พล.ต.ต.ประการ ประจง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี (ผบก.ภ.จว.ชลบุรี) เปิดเผยว่า แก๊งผู้ต้องหาดังกล่าว ประกอบด้วย ร.ต.อ.วุฒิกรณ์ ปลอดโปร่ง รอง สวป. และ อส.ตำรวจบ้านอีก 4 คน ได้ก่อเหตุไปล่อซื้อยาเสพติด 200 เม็ด จากนั้นก็อุ้มเหยื่อที่อ้างว่าเกี่ยวพันกับยาเสพติดรายหนึ่งไปกักขังไว้ที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง แล้วเรียกเงิน 3 แสนบาท พร้อมทั้งปลดสร้อยคอทองคำ 1 บาท และพระเลี่ยมทอง 1 องค์ไป ภายหลังได้ให้สร้อยคอทองคำคืน แต่ไม่คืนพระเลี่ยมทอง เนื่องจากในตลาดพระองค์นี้มีราคาถึง 3 ล้านบาท จากนั้นเหยื่อได้ไปร้องเรียนกับ พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) ตนจึงเข้าไปดำเนินการสอบสวน จนกระทั่งทราบว่าข้อมูลร้องเรียนเป็นความจริง จึงให้ขออนุมัติศาลพัทยาออกหมายจับ พร้อมนำกำลังเข้าจับกุมได้ยกแก๊งเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาที่หน้าโรงพัก พร้อมนำตัวมาส่งศาลจังหวัดพัทยาฝากขังพร้อมคัดค้านการประกันตัว

 

เบื้องต้นจากการสอบสวนยังทราบว่า ร.ต.อ.วุฒิกรณ์ ได้กระทำการความผิด พร้อมพวกอีก 4 คน ที่เป็นชาวบ้าน ให้มาคอยช่วยเหลือ โดยให้ชาวบ้าน 4 คน ที่ถูกจับ เป็นอาสาตำรวจบ้านไว้คอยช่วยเหลือในการร่วมกันกระทำความผิด แก๊งนี้มักเข้าจับกุมเหล่าพ่อค้ายาเสพติดมากรรโชกทรัพย์ เรียกทรัพย์สินเงินทอง ทำมาแล้วหลายครั้งแล้ว ส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าแจ้งความเพราะเกรงกลัวความผิด

 

ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.วุฒิกรณ์ สมัยเป็นรอง สว.สภ.เมืองพัทยา เคยกระทำการเช่นนี้ แล้วถูกโยกย้ายเข้าช่วยราชการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี แต่การสอบสวนไม่พบหลักฐานที่จะเอาผิดได้ จึงต้องย้ายกลับไปดำรงตำแหน่งรอง สว.ป.สภ.เมืองพัทยา สุดท้ายกระทำความผิดซ้ำอีก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอหนังสือให้พ้นจากราชการของ พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิสมัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา ตามระดับขั้น หากหนังสือมาถึง ก็จะให้พ้นราชการทันที

 

ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีการบุกจับเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ”ร.ต.อ.”พร้อมตำรวจบ้านรวม 4 คนอุ้มเหยื่อเข้าเซฟเฮาส์รีดเงิน-ปลดทรัพย์แลกอิสรภาพในพื้นที่ สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ว่า  สืบเนื่องจากกรณีที่มีผู้เสียหาย ชาย อายุ 22 ปี ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวนว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ.63 เวลาประมาณ 21.30 น. ตนกับหญิงสาว อายุ 20 ปี ได้ขับรถยนต์มาจอดบริเวณหน้าสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ถนนชัยพฤกษ์ หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จากนั้นได้มีกลุ่มชายหลายนาย เข้ามาแสดงตัวและร่วมทำการตรวจค้นตัวและค้นรถของผู้เสียหาย โดยแจ้งว่าเป็นชุดปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยมีการเรียกทรัพย์สินเพื่อแลกกับการปล่อยตัวไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

ทั้งนี้ การสืบสวนสอบสวนขยายผล ทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดขณะนี้พบ 6 ราย คือ 1. นายธันยกร โบศรี ,2. นายสุริยา อ่อนหมื่นไวย ,3. นายสุทธิพงศ์ หวังแก้ว ,4. ร.ต.อ.วุฒิกรณ์ ปลอดโปร่ง รอง สวป.สภ.เมืองพัทยา ,5. นายสีหรัตน์ รัตนวิจิตร ,6. นายฉลุย แสนฟู

 

โดยพนักงานสอบสวนได้ขออนุญาตศาลจังหวัดพัทยา ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ในข้อหา ซ่องโจร,ร่วมกันกรรโชกทรัพย์,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อเสรีภาพ ,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 7 มี.ค.63 เวลาประมาณ 03.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพบผู้ต้องหา 5 ราย (1,2, 4 -6) ที่ สภ.เมืองพัทยา และได้ทำการได้จับกุมตัว ผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วนของรายที่ 3 อยู่ระหว่างการออกติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

โดยพล.ต.ต.ประการ ประจง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี จะมีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง พร้อมมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว และดำเนินคดีอาญาและทางวินัย อย่างเด็ดขาดตามขั้นตอนต่อไป

 

รองโฆษก ตร. กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่ง ปลดออก ไล่ออก เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปกระทำผิดกฎหมาย มาโดยตลอด ไม่มีการปกป้องหรือให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว

 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา เร่งทำการสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่สนับสนุนหรือที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่กระทำความผิดกฎหมายเสียเอง เรื่องอย่างนี้ต้องถูกดำเนินคดีทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและขอยืนยันว่าจะไม่มีการปกป้องตำรวจที่กระทำความผิดกฎหมายอย่างแน่นอน ต้องรับโทษมากกว่าบุคคลธรรมดา

 

ซึ่งที่ผ่านมาได้มีข้อสั่งการกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้กระทำผิดกฎหมายหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายเสียเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้ามไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด อีกทั้งยังได้มอบนโยบายในการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องของยาเสพติดอยู่แล้ว เช่น โครงการตำรวจสีขาว

 

และตามคำสั่ง ตร. ที่ 1212/2537 ให้ผู้บังคับบัญชาสอดส่องดูแลความประพฤติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด ทั้งในเวลาราชการและนอกราชการ ซึ่งอาจมีพฤติการณ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระทำผิดกฎหมาย หากปล่อยปละละเลยก็จะพิจารณาโทษผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องตามลำดับชั้น