นายกฯนั่งหัวโต๊ะก.ตร.กำชับหลังการแต่งตั้ง6เดือนหากไม่มีประสิทธิภาพจะย้ายได้อีกสั่งนายดูแลลูกน้องให้ปฏิบัติโดยสุจริต

นายกฯนั่งหัวโต๊ะก.ตร.กำชับหลังการแต่งตั้ง6เดือนหากไม่มีประสิทธิภาพจะย้ายได้อีกสั่งนายดูแลลูกน้องให้ปฏิบัติโดยสุจริต

เมื่อวันที่ 28 พ.ย.2562 ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 11/2562  โดยมีวาระการประชุมที่สำคัญ อาทิ การจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการของข้าราชการตำรวจเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.2562 และการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเสร็จสิ้น

ภายหลังการปรดชุม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า  เรื่องที่จะชี้แจงวันนี้คือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก.-ผกก. ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่ ก.ตร.กำหนด คือ 30 พฤศจิกายน ทุกปีที่ผ่านมาก็เลื่อนไปถึงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ มาโดยตลอด ทำให้เกิดปัญหาการแต่งตั้งมาโดยตลอด ตนไว้ใจ ผบ.ตร. และคณะกรรมการต่างๆ ถึงเหตุผล ซึ่งการแต่งตั้งแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ รอง ผบก.หมุนเวียน ผกก.เลื่อนเป็น รอง ผบก. ผกก.หมุนเวียน และรอง ผกก.เลื่อนเป็น ผกก. ทั้งหมดรวมประมาณกว่า 2 พันตำแหน่ง การแต่งตั้งก็ดูหลายอย่าง อาทิ ความเหมาะสม มีการเยียวยาให้ความเป็นธรรมแก่ข้าราชการตำรวจที่ถูกโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรมไปไกลจากภูมิลำเนา และการแต่งตั้งผิดฝาผิดตัว ไม่ตรงกับความรู้ความสามารถ พร้อมให้โอกาสผู้ที่ได้อาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์ได้ดำรงตำแหน่งหลักด้วย

“ทั้งนี้ได้กำชับว่า หลังการแต่งตั้ง 6 เดือน จะมีการประเมินประสิทธิภาพการทำงาน หากไม่มีประสิทธิภาพสามารถย้ายได้อีก ไม่ดีก็ต้องย้ายกันทุกๆ 6 เดือน ความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นคือการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้อยู่ในกรอบการปฏิบัติโดยสุจริต แม้เงินเดือนจะน้อย แต่เมื่อเราสมัครมาเป็นตำรวจแล้ว เป็นตำรวจทั้งใจและกาย และสิ่งที่สำคัญคือการมีทัศนะวิสัยที่ดีต่อประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

ด้านพล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ฐานะโฆษกตร. กล่าวว่า คำสั่งการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรอง ผบก.-ผกก. ที่ออกมาประมาณ 99 เปอร์เซ็นต์แล้ว วันนี้มีมาขออุมัติ ก.ตร. ในตำแหน่งที่เชี่ยวชาญเฉพาะอย่างที่ต้องออกคำสั่งเพิ่มเติม แบ่งเป็น นักบินตำรวจ 4 นาย,เทคโนโลยีสารสนเทศ 1 นาย,พิสูจน์หลักฐาน 8 นาย,สำนักงานตรวจสอบภายในเกี่ยวกับเรื่องบัญชี 6 นาย,อาจารย์ ร.ร.นรต. 1 นาย สำหรับคำสั่งแต่งตั้ง สว.-รอง ผกก. นั้น ก.ตร. กำหนดไว้ว่าเป็นอำนาจของ ผบช.หน่วย สามารถดำเนินการออกคำสั่งได้เลย ทาง ผบ.ตร. ได้กำชับให้ทุกหน่วยออกคำสั่งพร้อมกันให้ได้ในวันที่ 29 พฤศจิกายน และให้มีผลพร้อมกัน 13 ธันวาคม และให้เดินทางไปรายงานตัวพร้อมกันตั้งแต่ สว.-รอง ผบก. ในวันที่ 16 ธันวาคม

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวอีกว่า ที่ประชุม ก.ตร. พิจารณาเรื่องอัตราเกษียณ เนื่องจากปีนี้อัตราเกษียณค่อนข้างมาก 6,293 อัตรา เป็นสัญญาบัตร 1,093 อัตรา ชั้นประทวน 5,225 อัตรา ที่ประชุมจึงมีมติว่าเพื่อให้ตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาลและความเหมาะสม จะจัดสรรอัตราให้กับหน้าที่หลักต่างๆ เห็นชอบจัดสรรให้ 5 หน้างานหลัก คือ 1.งานถวายความปลอดภัย 1,598 อัตรา 2.ภารกิจงานโรงพัก กลุ่มป้องกันปราบปราม งานสืบสวนสอบสวน 3,919 อัตรา 3.ภารกิจด้านปราบปรามยาเสพติด 320 อัตรา 4.งานความมั่นคงชายแดนใต้ จัดสรรเพิ่มเติมจากปีที่แล้วอีก 50 อัตรา และ 5.งานป้องกันปราบปรามอาญากรรมออนไลน์ ทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี 406 อัตรา โดยทั้งหมดนายกรัฐมนตรีให้พิจารณา 2 ประเด็น คือ ให้สรรหากลุ่มที่มีความรู้ใหม่ๆ ต่อการพัฒนาประเทศ งานนิติวิทยาศาสตร์ งานเทคโนโลยี โปรแกรมเมอร์ และให้พิจารณาจัดสรรข้าราชการตำรวจหญิงเข้ามาในอัตราที่เหมาะสมด้วย