โจรปล้นกันชัดๆ!เด้ง2ตำรวจสน.ประชาชื่นซ้อมหนุ่มบุรีรัมย์ตรวจฉี่ไม่พบสารเสพติดให้เงิน100ไปซื้อยากินเอง เจ้าตัวเชื่อเจตนาจะยัดข้อหา

โจรปล้นกันชัดๆ!เด้ง2ตำรวจสน.ประชาชื่นซ้อมหนุ่มบุรีรัมย์ตรวจฉี่ไม่พบสารเสพติดให้เงิน100ไปซื้อยากินเอง เจ้าตัวเชื่อเจตนาจะยัดข้อหา

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) วันที่ 22 ส.ค.2562 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีถูกชายอ้างตัวเป็นตำรวจ ขอตรวจฉี่-ถูกซ้อมน่วม ซ้ำไม่เจอให้เงิน100ซื้อยากินเอง และมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย  ว่า  ได้รับรายงานจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ( บก.น.2)  จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด สน.ประชาชื่น โดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา  เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น ได้ออกตรวจในพื้นที่ เมื่อมาถึงบริเวณอู่รถทัวร์นครชัยแอร์ พบชายต้องสงสัย จำนวน 1 ราย  มีพิรุธ จึงเข้าไปแสดงตัวทำการขอตรวจค้น และ ตรวจปัสสาวะ จากนั้นได้เชิญตัวชายคนดังกล่าวไปที่สถานีตำรวจ เพื่อตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง โดยผลการตรวจไม่พบสิ่งผิดกฎหมายและสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้พูดคุยปรับความเข้าใจ และไม่ติดใจเอาความกัน พร้อมได้ปล่อยตัวชายคนดังกล่าวไป

 

ต่อมาชายคนดังกล่าวได้มาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนให้เอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคู่กรณีที่เกี่ยวข้อง ที่เข้ามาตรวจสอบกอดปล้ำ กระทบกระทั่ง ทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

 

รองโฆษกตร. กล่าวว่า  ขณะนี้ พล.ต.ต.เอกชัย  บุญวิสุทธิ์  ผบก.น.2 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น  รวมทั้งมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องมาประจำที่ ศปก.บก.น.2  และให้คณะกรรมการรายงานผลให้ทราบโดยเร็ว   หากพบข้อบกพร่องหรือกระทำผิดจริงมีพฤติกรรมนอกรีต  เรียกรับผลประโยชน์อื่นใด หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ ก็จะดำเนินทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาดต่อไป

 

“อีกทั้งพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีการกำชับและกวดขันให้ผู้บังคับบัญชาของทุกหน่วยในสังกัด ลงไปตรวจสอบและดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชามาโดยตลอด ซึ่งมีการลงทัณฑ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กระทำในลักษณะนี้ทั้ง ไล่ออก ปลดออก ให้ออก หากความผิดปรากฎชัดเจน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศมาโดยตลอดไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดี ทั้งนี้หากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแส สามารถแจ้งมาได้ที่หมายเลขสายด่วน 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม.”พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าว

สราวุฒิ วาลีประโคน

ทั้งนี้เมื่อช่วงค่ำวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อว่า “นายสราวุฒิ วาลีประโคน” ได้โพส์ตข้อความเล่าเหตุการณ์ว่า  “เหตุเกิดเมื่อวันที่21/08/62เวลาประมาณ15:43น.ผมได้ซื้อมาม่ามานั่งกินบริเวณฝากรถลูกค้าที่ศูนย์นครชัยแอร์วิภาวดีรังสิตอยู่ดีๆก้อมีบุคคลชาย2คนแสดงตัวว่าเปงคนไทยไหมครับครับผม.หลังจากนั้นเขาก้อแสดงตัวว่าเปงตำรวจผมขอดูบัตรประชาชนหน่อยครับผมก้อยื่นให้ ผมก้อตอบไปว่าผมเปง. “คนบุรีรัมย์”มาอบรมงานครับผมไหนผมขออนุญาตตรวจกระเป๋าหน่อยเขาก้อค้นหลังจากไม่มีอะไรชาย2คนก้อขอตรวจฉี่ผมผมก้อยอมให้ตรวจผมแค่ปกป้องสิทธิของผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเขาก้อปัดออกหลังจากนั้นเขาก้อใส่กุญแจมือผมทั้งต่อย,แตะ,ทุบ,กระทึบแล้วก้ออุ้มผมไปตรวจที่สน.ประชาชื่นตรวจ2รอบ 1.ตรวจหาสารกัญชา. 2.ตรวจหาสารยาบ้า

 

เขาถามว่ามึงโดนตัวไหนมาผมตอบว่าผมไม่เคยยุ่งกับสิ่งผิดกฏหมายเขาก้อไม่เชื่อแต่ทางสน.ประชาชื่นเขาได้ถ่ายรูปผมไว้แล้วลงบันทึกประจำวันไว้แต่ไม่มีลายเซ็นต์ผมครับแล้วก้อไม่ให้ผมดูด้วยว่าผมผิดอะไรหลังจากนั้นเขาก้อปล่อยตัวผมแล้วถามว่ามึงมีตังไหมงั้นเอา100-ไปซื้อยาน่ะแล้วเขาก้อมาส่งผมที่.ศูนย์นครชัยแอร์ นี่หรือครับตำรวจไทย”ที่เขาว่าเคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่,กรุณาปราณี,ต่อปวงชน,ดำรงตนด้วยยุติธรรม,กระทำการด้วยปัญญา”นี่มันโจรปล้นกันชัดๆแล้วคุณมาบอกว่าทำตามหน้าที่มันเกินไปไหมครับ”คุณตำรวจ”ผมเจ็บไปหมดทั้งตัวหัวปูด,คิ้วก้อบวม,แขนขาถลอกหมด,ที่สำคัญพระองค์ที่เลี่ยมทองผมก้อร่วงหายกำจริงๆ”

สราวุฒิ วาลีประโคน

ขณะที่ นายสราวุฒิ  วาลีประโคน อายุ 33 ปี ผู้ที่โพส์ตข้อความดังกล่าว ได้นำใบรับรองแพทย์ของโรงพยาบาล เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อต้องการให้ตรวจสอบว่าชายฉกรรจ์2 คน เป็นตำรวจจริงหรือไม่ และอยากให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย

 

เบื้องต้น พ.ต.ท.อาวุฒิ อ่อนวรรณะ สารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์  ก็ได้ให้ลงบันทึกประจำไว้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่หากจะแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี ก็ได้แนะนำให้นายสราวุฒิ  ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุ  เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป

สราวุฒิ วาลีประโคน

นายสราวุฒิ  กล่าวว่า  สาเหตุที่ไม่ได้ไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น ตั้งแต่วันเกิดเหตุเนื่องจากกลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะไม่รู้ว่าชายฉกรรจ์ 2 คนที่ทำร้ายตนเอง เป็นตำรวจจริงหรือไม่ ทั้งกลัวว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงตัดสินใจเดินทางกลับมาบ้านที่บุรีรัมย์ก่อน

 

“หากชาย 2 คน ที่ทำร้ายผมเป็นตำรวจจริงก็อยากจะให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะจากพฤติกรรมแล้วถือว่ารุนแรงหากสงสัยว่าตนเสพสารเสพติด ก็ควรจะนำตัวไปตรวจปัสสาวะที่สถานีตำรวจ หรือที่โรงพยาบาล ซึ่งในวันนั้นตนก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าขอให้พาไปตรวจที่ รพ. แต่ชายทั้ง 2 ก็ไม่ยอมกลับพาผมไปที่ห้องสืบสวนของ สน.ประชาชื่น จึงเชื่อว่ามีเจตนาจะยัดข้อหาความผิดให้ไม่น่าจะเป็นการเข้าใจผิด”นายสราวุฒิ กล่าว