ผับบาร์ ค้ายาเสพติด บ่อนพนันผิดกฎหมายตร.ผู้ใหญ่ ‘ไม่รับส่วย’ เปิดไม่ได้

ผับบาร์ ค้ายาเสพติด บ่อนพนันผิดกฎหมายตร.ผู้ใหญ่ ‘ไม่รับส่วย’ เปิดไม่ได้

ยุติธรรมวิวัฒน์

ผับบาร์ ค้ายาเสพติด บ่อนพนันผิดกฎหมายตร.ผู้ใหญ่ “ไม่รับส่วย” เปิดไม่ได้

 

พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร

ปัญหา กัญชาเพื่อสันทนาการ ภายใต้ คำลวง ของนักการเมืองว่า เพื่อการแพทย์

ผลสุดท้ายจะจบลงอย่างไร จะผ่านทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาหรือไม่?

หรือเป็นเหตุทำให้รัฐบาลต้องมีอันเป็นไปก่อนเวลา นายกรัฐมนตรีต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่ อีกไม่กี่วันก็คงได้เห็นกัน

อีกปัญหาหนึ่งซึ่งผู้คนกำลังเฝ้ามองอยู่ขณะนี้คือ การดำเนินคดี นายตู้ห่าว “หลานเขยอดีต ผบ.ตร.คนหนึ่ง” ด้วยข้อหา สมคบคิดค้ายาเสพติด

ประชาชน แม้กระทั่งสื่อมวลชน ส่วนใหญ่ ต่างเฝ้าจับตาด้วยความไม่แน่ใจ ว่า คดีนี้ในที่สุดเขาจะหลุดรอดจากข้อหาฉกรรจ์นั้นไปได้เช่นเดียวกับการดำเนินคดีข้อหา จ้างวานพยายามฆ่า และ เผาสวนงูคู่แข่ง แห่งหนึ่งที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อ ปี 2555 หรือไม่?

คดีสะเทือนขวัญประชาชนสำคัญนั้น ตำรวจไทยใช้เวลา สอบสวนอย่างวิปริตยาวนานกว่าห้าปี จึงได้มีการแจ้งข้อหาผู้จ้างวาน ส่งให้ อัยการสั่งไม่ฟ้องสองผัวเมียที่เป็นตำรวจ จบคดี

เท่ากับเป็นการกระทำของคนร้ายที่ไม่มีใครจ้างวาน!

ฝังความคับแค้นใจไว้ให้ “นายอนุชิต ไชยทองงาม” รปภ.ที่เข้าต่อสู้ป้องกันทรัพย์สินของบริษัทสวนงู

รวมทั้งผู้เป็น “แม่” ที่ต้องดูแลลูกซึ่งถูกทำร้ายจนร่างกายพิการกระทั่งบัดนี้

ระบบการสอบสวนที่ไร้มาตรฐานของประเทศไทย มีจุดอ่อนอยู่ในทุกขั้นตอนของการรวบรวมไม่รวบรวม หรือแม้กระทั่ง สอบสวนทำลายพยานหลักฐาน ก็ได้!

เนื่องจาก งานสอบสวนถูกผูกขาดด้วยอำนาจของตำรวจที่เป็นผู้รู้เห็นและเก็บรวมไว้แต่เพียงฝ่ายเดียว!

ซ้ำตำรวจผู้ทำหน้าที่ พนักงานสอบสวน ก็มี ยศและอยู่ในระบบการปกครองแบบทหาร

การถูกตำรวจผู้ใหญ่สั่งให้ รวบรวม หรือ ไม่ต้องรวบรวม พยานหลักฐานอะไร ส่วนใหญ่ก็ยอมทำ!

หรือแม้แต่สั่งให้ สอบสวนทำลายพยานหลักฐาน โดยเฉพาะปากคำบุคคลอะไร สอบสวนพิมพ์ให้ลงชื่อใหม่ ก็เป็นเรื่องที่กระทำได้แสนง่าย ทำกันได้ แทบทุกคดีที่ผู้บังคับบัญชาต้องการ!

เพราะแม้แต่ ผู้ว่าฯ และนายอำเภอฝ่ายปกครองท้องที่ หรือพนักงานอัยการผู้มีหน้าที่ฟ้องคดี ก็ไม่มีส่วนรู้เห็นพยานหลักฐานอะไรในระหว่างการสอบสวนของตำรวจทั้งสิ้น

ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานอะไรส่งไปให้แค่ไหน   อัยการไทยก็มีโอกาสเห็นคิดและวินิจฉัยข้อเท็จจริงได้เท่าที่ปรากฏ!

ซ้ำยังไม่รู้ว่า เป็นพยานหลักฐานที่ตรงตามความเป็นจริง หรือมีใครปั้นแต่งขึ้นหรือไม่ และยังมีพยานสำคัญอะไรที่ตำรวจไม่ได้สอบให้ปรากฏไว้

ตำรวจสรุปเสนอคดีไม่ว่าความผิดข้อหาใดให้อัยการสั่งฟ้อง หรือแม้แต่ “ไม่ฟ้อง” อัยการส่วนใหญ่ก็ ต้องสั่ง ไปตามการเสนอของตำรวจนั้น

ทำหน้าที่กันด้วยความอึดอัดใจว่า “คล้ายไปรษณีย์”!

แม้แต่คดีที่อัยการ “ไม่มั่นใจว่าจะสามารถพิสูจน์การกระทำผิดให้ศาลพิพากษาลงโทษได้” หลายคนก็จำเป็นต้อง “สั่งฟ้อง”เพื่อให้พ้นตัวไป

ต่อปัญหานี้ ปัจจุบันยังไม่มี “อัยการสูงสุดคนใด” คิดแก้ไขออกระเบียบให้การสั่งคดีมีมาตรฐานสูงขึ้นแต่อย่างใด?

คิดกันแต่ว่า ถ้าผู้ต้องหาไม่ได้กระทำผิด ก็ให้ไปพิสูจน์กันในชั้นศาล!

เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ ผบ.ตร. หรือผู้บัญชาการตำรวจภาคทำความเห็นแย้งมั่วๆ เสนอให้อัยการสูงสุดพิจารณาตาม ป.วิ อาญา ที่แก้ไขใหม่บัญญัติไว้ในมาตรา 145/1

ซึ่งตำรวจผู้ใหญ่ได้ ฉวยโอกาสหลังการยึดอำนาจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ลงนามในคำสั่งฉบับที่ 115/2557 วันที่ 21 กรกฎาคม 2557

แก้ไขกฎหมายจากเดิมที่ให้เป็น อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เป็นของ ผู้บัญชาการตำรวจภาคที่ไม่มีสถานะทางกฎหมายอะไรในระบบงานสอบสวนตาม ป.วิ อาญา

ปัญหา แก๊งคนจีนจากแผ่นดินใหญ่ เข้ามาทำมาหากินในประเทศไทย ไม่ว่าจะการเปิดบ่อนพนัน และผับบาร์ผิดกฎหมาย ได้เกิดขึ้นมา นานกว่าสิบปี เป็นที่รู้กันในวงการอบายมุข

ซึ่ง ทุกแห่งล้วนต้อง “จ่ายส่วย” ให้ตำรวจผู้ใหญ่หลายระดับเพื่อให้ “หลับตา” ไม่ต้องทำหน้าที่ตรวจตราจับกุมหรือสอบสวนค้นหาความจริงอะไรตามกฎหมายทั้งสิ้น

นี่ถ้าไม่มีกรณีฝ่ายปกครองจับผับผิดกฎหมายในจังหวัดชลบุรีที่มีนายทุนจีนพูดไทยโวยวายว่า จ่ายให้ทุกหน่วยแล้ว  ทำไมยังมาจับ ปรากฏทางสื่อหลัก

ตามด้วยเรื่อง หญิงสาวจีนเสียชีวิต ในคลับลับแห่งหนึ่งซึ่งเป็นผลมาจากการเสพยาเสพติดเกินขนาดในพื้นที่ สน.สุทธิสาร มีการทวงถามและ กดดันจากรัฐบาลจีน ตามมา

การตรวจจับผับเถื่อนของ ตำรวจนครบาล ในพื้นที่ สน.ยานนาวา จนพบว่า มีการเสพและจำหน่ายยาเสพติดชนิดใหม่ในสถานที่แห่งนั้นอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ก็คงไม่เกิดขึ้น!

เช่นเดียวกับปัญหา บ่อนพนันผิดกฎหมาย

ถ้าไม่มีเหตุ “ปล้น” หรือ “ฆ่ากันตาย” ตำรวจผู้ใหญ่หลายระดับก็นั่ง “รับส่วย” สร้างความร่ำรวยให้ตนเองและครอบครัวไปเรื่อยๆ

โดยไม่มีใครสนใจว่า จะก่อให้เกิดปัญหาความไม่สงบสุขต่อสังคมและสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนมากเพียงใด!.

ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ  ฉบับวันที่ 28 พ.ย. 2565