บ่อนพนัน ผับและสถานบริการผิดกฎหมาย     ผู้บัญชาการตำรวจ ‘ไม่รับส่วย’ เปิดไม่ได้

บ่อนพนัน ผับและสถานบริการผิดกฎหมาย     ผู้บัญชาการตำรวจ ‘ไม่รับส่วย’ เปิดไม่ได้

ยุติธรรมวิวัฒน์

บ่อนพนัน ผับและสถานบริการผิดกฎหมาย     ผู้บัญชาการตำรวจ “ไม่รับส่วย” เปิดไม่ได้

                                                                                   

                                                             พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร

 

เหตุการณ์กรณี ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี สั่งให้ ป้องกันจังหวัด นำกำลัง อส.ไปจับผับผิดกฎหมายขนาดใหญ่ซึ่งเปิดเกินเวลาในเมืองพัทยา

จนเป็นที่มาแห่ง วาทะเด็ด ผ่านสื่อออนไลน์ของ คนไทยสำเนียงจีน ในฐานะ เจ้าของตัวจริง ว่า

“จ่ายให้ทุกหน่วยแล้ว ทำไมยังมาจับ ใครสั่ง?…..”

และสุดท้าย ได้เกิดความชุลมุนและ ขัดขวางการจับกุม จนนักเที่ยวทั้งหญิงชายได้หนีออกจากร้านไป ทำให้ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง ไม่สามารถตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดกับผู้ต้องสงสัยคนใดได้  แม้แต่คนเดียว!

เหตุการณ์โวยวายเรื่องการจ่ายส่วยของ คนจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีชื่อไทย ในครั้งนั้น ได้ทำให้ประชาชนหูตาสว่างขึ้นอย่างมากว่า

ปัจจุบันมีแหล่งอบายมุขผิดกฎหมายขนาดใหญ่  ซึ่งเจ้าของเป็นคนจีนมาจากแผ่นดินใหญ่ เกิดขึ้นทั่วประเทศมากมาย!

โดยเดินสาย จ่ายส่วยให้หัวหน้าตำรวจ แทบทุกหน่วยทุกระดับที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการ ตรวจสอบและสอบสวนดำเนินคดี เมื่อปรากฏว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย!

สถานการณ์ การทุจริตประพฤติมิชอบ ของเจ้าพนักงานที่เลวร้าย ทำลายความสงบสุขของบ้านเมือง เช่นนี้ เกิดขึ้นโดยไม่มีการตรวจสอบหรือลงโทษตามกฎหมายจากองค์กรใดในประเทศไทยเลยได้อย่างไร?

ไม่ว่าจะเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะ หัวหน้าผู้รักษาความสงบเรียบร้อยตาม ป.วิ อาญา 

ติด คำขวัญ ไว้หน้ากระทรวงและศาลากลางสร้างความน่าเชื่อถือให้ประชาชนว่า “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้พวกเขาได้

รวมไปถึง ป.ป.ช., ป.ป.ท., กรมสอบสวนคดีพิเศษ, ผู้ตรวจการแผ่นดิน, กรรมาธิการการตำรวจ และกรรมาธิการคณะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา!

หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันต่อมา ก็เกิดเหตุที่น่าสลดใจขึ้นในกรุงเทพมหานคร

นักท่องเที่ยวสาวชาวจีนสิ้นใจตาย หลังจากที่ได้ไปเที่ยว ผับลับ แห่งหนึ่ง พื้นที่ สน.สุทธิสาร

ผลการตรวจชันสูตรศพพบว่า เป็นผลมาจากการเสพยาเสพติดเกินขนาด!

ซึ่งในท้องที่สถานีนี้ เมื่อประมาณ สิบปีที่ผ่านมา ก็ได้มีชาวจีนมาเปิด บ่อนพนันขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย อยู่ระยะหนึ่ง

ซึ่งทำให้ นายพลตำรวจผู้รับผิดชอบ แต่ละระดับ นั่งรับส่วย จนรวยพุงกางไปตามๆ กัน!

กระทั่ง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ทนเห็นความเสียหายของชาติต่อไปไม่ไหว ได้ นำคลิปมาเปิดในสภา ในฐานะ ส.ส.

ตำรวจผู้รับผิดชอบที่เรียกกันว่า ชั้นผู้ใหญ่ ได้รอจนกระทั่ง นายบ่อนได้ขนอุปกรณ์การพนัน ออกไปกันสองสามวันจนหมด เหลือแต่อาคารว่างเปล่า

จเรตำรวจพร้อมคณะ” จึงได้ค่อยๆ ย่องเข้าไปตรวจดู

ด้วยความรู้สึก แสนหดหู่และสุดสมเพช ของประชาชน

เรื่องนี้ ผบ.ตร.ได้มีคำสั่ง ตั้งกรรมการสอบสวน ตามสูตร

เมื่อเวลาผ่านไป ผลการสอบสวนก็เป็นไปตามความคาดหมาย คือสุดท้าย ไม่มีใครต้องรับผิดทางอาญาหรือวินัย แม้กระทั่งถูกตัดหรือลดขั้นเงินเดือนอะไรแม้แต่คนเดียว!

การปราบสถานบันเทิงผิดกฎหมาย และบ่อนพนันทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ ที่ทำลายสังคมไทยอยู่ทุกวันนั้น

แท้จริง กระทำได้แสนง่าย หาก ผบ.ตร.แต่ละยุคสมัยมี “ความสุจริต” และ “จริงใจ”

ไม่ หน้าไหว้หลังหลอก บอกและโฆษณาให้ประชาชนฟังอย่างหนึ่ง แต่เบื้องหลังทำอีกอย่าง!

แค่วันนี้ ผบ.ตร.มีคำพูดคำบอก หรือ หนังสือสั่งการถึงผู้บัญชาการตำรวจ ทุกพื้นที่ว่า

ถ้าต่อไป หากมีหน่วยงานอื่นใด ไม่ว่ากรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไปจับบ่อนการพนันหรือสถานบันเทิงผิดกฎหมายในพื้นที่ใด

ให้ ผู้บัญชาการและผู้บังคับการตำรวจผู้รับผิดชอบ เขียนรายงานชี้แจงเหตุผล ที่ตนไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบหรือจับกุมเอง เพราะเหตุใด?

เพื่อนำไปเป็นข้อมูลและหลักฐานประกอบการพิจารณาว่า “มีเหตุผล” รับฟังได้ หรือเข้าข่าย เป็นบุคคลผู้หย่อนความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่

            ไม่มีความเหมาะสมที่จะให้ดำรงตำแหน่งนั้นต่อไป

            จำเป็นต้องสั่งให้ “สำรองราชการ” เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อราชการและประชาชนเพิ่มมากขึ้น 

และ ให้ตำรวจคนอื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน.

บ่อนพนัน ผับและสถานบริการผิดกฎหมาย

ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 14 พ.ย. 2565