ตีความกันวุ่นแน่!รองอธิบดีอัยการฯจี้ถามทางสายไหนวิ่ง120กม./ชม.ได้บ้าง

ตีความกันวุ่นแน่!รองอธิบดีอัยการฯจี้ถามทางสายไหนวิ่ง120กม./ชม.ได้บ้าง

 

เมื่อวันที่ 12 มี.ค.64 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 โพสต์ความเห็นถึง กฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบทที่กำหนด พ.ศ.2564 หลังจากเมื่อวันที่ 10 มี.ค.2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่กฎกระทรวงดังกล่าว ว่า ผมอ่านโดยละเอียดทุกตัวอักษรตามประสานักกฎหมายไม่อ่านอะไรสั้นๆ คิดอะไรเร็วๆ เชื่ออะไรง่ายๆ อ่านไม่ครบแล้วสรุป อาจพลาด ถ้าโดนจับโต้เถียงกับตำรวจคงไม่ชนะถ้าตีความทุกตัวอักษรตามประกาศ ทางหลวงต้องมีเกาะกลางถนนแบบกำแพง และต้องไม่มีจุดกลับรถเสมอระดับถนน ตามที่ผู้อำนวยการทางหลวงประกาศกำหนด รถยนต์นั่งส่วนบุคคล จึงจะวิ่งได้เร็วไม่เกิน 120 กม/ชม วิ่งขวาต้องเร็วไม่ต่ำกว่า 100 กม/ชม ตามที่ประกาศกฎกระทรวง กำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบทที่กำหนด พ.ศ.2564 (10มี.ค.64)

 

มีทางหลวงสายไหนบ้างครับที่มี เกาะกลางถนนแบบกำแพง และไม่มีจุดกลับรถ เสมอระดับถนน ซึ่งก็คือสะพานลอยยูเทิร์นกลับรถนั่นเองในต่างจังหวัดวิ่งกันยาวมีเส้นใดมีครบถ้วนแบบนี้บ้างครับ

 

จริงแล้วชอบนะครับประกาศอย่างนี้ ทุกวันนี้รถบรรทุกวิ่งช้าก็ออกมาวิ่งเลนขวา ขวางรถทางตรงที่เขาพอจะไปได้ ให้รถติดไปกันยาว ขวางทาง กีดกั้นความสะดวก เจอประจำหงุดหงิดใจไร้เจ้าหน้าที่มาดูแลและถนนมีไว้ใช้ร่วมกัน เราจึงไม่ควรใช้ถนนในลักษณะเห็นแก่ตัว

 

อยากให้ผู้มีหน้าที่ออกมาประกาศกำหนดให้ชัดเจน อย่าประกาศลักษณะกฎหมายอย่างเดียวแล้วชาวบ้านอาจอ่านไม่เข้าใจ ตีความอะไรกันผิดก็โต้เถียงกัน เดี๋ยวก็คงได้ถ่ายคลิปกันไม่ว่าชาวบ้านหรือตำรวจแข่งกันถ่ายใส่กันอีก เกิดประเด็นทางโซเชียลตามมาเช่นเคย

 

ทั้งนี้สำหรับรายละเอียดของกฎกระทรวงดังกล่าว ได้กำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบทไว้ดังนี้ 1.รถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถเกิน 2,200 กิโลกรัม หรือรถโดยสารมีที่นั่งคนโดยสารเกิน 15 คน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม., รถขณะที่ลากจูงรถอื่น รถยนต์สี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 65 กม./ชม., รถจักรยานยนต์ ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. เว้นแต่รถจักรยานยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ขึ้นไป หรือมีขนาดความจุของกระบอกสูบรวมกันตั้งแต่ 400 ลูกบาศก์เซนติเมตรขึ้นไป ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 110 กม./ชม.

 

ขณะที่รถโรงเรียน หรือรถรับ-ส่งนักเรียน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม., รถโดยสารที่มีที่นั่งโดยสารเกิน 7 คนแต่ไม่เกิน 15 คน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม., รถแทรกเตอร์ รถบดถนน หรือรถใช้งานเกษตรกรรม ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 45 กม./ชม. และรถอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ทั้งนี้ หากรถอยู่ในช่องเดินรถขวาสุดต้องใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. เว้นแต่ในกรณีที่ช่องเดินรถนั้นมีข้อจำกัดด้านการจราจรหรือทัศนวิสัย มีสิ่งกีดขวาง หรือมีเหตุขัดข้องอื่น ทั้งนี้ หากในทางเดินรถมีเครื่องหมายจราจรแสดงว่าเป็นเขตอันตราย หรือเขตให้ขับรถช้าๆ ให้ลดความเร็วลง และเพิ่มความระมัดระวังขึ้นตามสมควร และในกรณีที่ทางเดินรถหรือช่องเดินรถใดมีเครื่องหมายจราจรกำหนดอัตราความเร็วต่ำกว่าอัตราที่กำหนด ให้ใช้ความเร็วไม่เกินอัตราความเร็วที่กำหนดไว้.

กฎกระทรวง

กฎกระทรวง