‘สิระ’นำกมธ.กฎหมาย ลงพื้นที่บ้านกกกอก ติดตามคดี’น้องชมพู่’ ทนายร้องรองผบ.ตร.เอาผิด’ตำรวจสืบสวน-อัจฉริยะ’ปล่อยภาพจากห้องชันสูตร

‘สิระ’นำกมธ.กฎหมาย ลงพื้นที่บ้านกกกอก ติดตามคดี’น้องชมพู่’ ทนายร้องรองผบ.ตร.เอาผิด’ตำรวจสืบสวน-อัจฉริยะ’ปล่อยภาพจากห้องชันสูตร

 

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2563 กรณีคดีน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย3ขวบ เสียชีวิต ในสภาพเปลือย กลางป่าภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่า เด็กขึ้นไปเสียชีวิตในป่าได้อย่างไร ที่ผ่านมาตำรวจได้เรียกสอบปากคำและตรวจดีเอ็นเอคนในพื้นที่จำนวนมาก เพื่อหาความเชื่อมโยงคดี

 

ล่าสุดช่วงเช้า คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายสิระ เจนจาคะ ประธานกมธ. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุที่บ้านกกกอกฯ   พร้อมด้วย พล.ต.อ.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์  ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4   ได้ขึ้นไปสำรวจบริเวณจุดพบศพ โดยชาวบ้านกกกอก นำคณะกรรมาธิการ ขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ เขตอุทยานแห่งชาติภูผายล  เพื่อดูเส้นทางและจุดที่พบศพเด็กหญิงอรวรรณ วงค์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ

 

หลังจากรับฟังรายงานการสอบสวน ของคณะสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4  โดยในรายงานตำรวจยืนยันว่า ไม่มีความกดดันในการทำงานและทำคดีตามพยานหลักฐานอย่างเต็มความสามารถ โดยยอมรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่าย เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และคลี่คลายคดีนี้

คดีน้องชมพู่

พล.ต.ท. เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์    ผบช.ภ4.กล่าวว่า   กว่า 2 เดือน สำหรับการติดตามหาตัวผู้กระทำผิดในคดีการเสียชีวิตของ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ในพื้นที่ป่าภูเหล็กไฟต้องยอมรับว่า ภาพที่ปรากฎออกมาทางสื่อ มีการเรียกสอบปากคำและการตรวจหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จำนวนมาก ทำให้คณะกรรมาธิการ การกฎหมาย ลงพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหาจากชาวบ้าน หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียน ว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชน อาจละเมิดสิทธิมนุษยชน

 

ขณะที่ช่วงบ่าย คณะกรรมาธิการ ร่วมรับฟังความคิดเห็นกรณีการขอให้ตรวจสอบการใช้หลักการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องในการสืบสวนสอบสวน ซึ่งจากการสอบถามผู้นำชุมชนและชาวบ้าน ต่างมองว่าตำรวจทำตามหน้าที่และชาวบ้านก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพื่อที่จะหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี

คดีน้องชมพู่

นางพรศรี  เงินนาม  อายุ  38 ปี  ชาวบ้านกกกอก  เล่าว่า  ตนเองพร้อมด้วยชาวบ้านกกกอก ประมาณ 5 คน ไปหาหน่อไม้ประมาณบ่าย 3 โมง ได้ลอดเข้าไปในกอไม้ไผ่เจอเสื้ออยู่ใต้ขอนไม้ เป็นกอง ๆ แล้วได้เรียกเพื่อนมาดู และเมื่อช่วงเช้าในวันนี้ ได้แจ้งตำรวจ เสื้อสีส้มมีสีเทาผสมด้วยอยู่ในลำห้วยบุง เสื้อซุกอยู่ในกอหน่อไม้คล้ายเสื้อผู้ต้องสงสัยคดีชมพู่ บริเวณใต้กอไผ่ติดกับห้วยบุงใกล้กับสวนยางพาราชาวบ้าน บ้านกกกอก

 

โดยตำรวจ สภ.กกตูมเข้าตรวจสอบ พร้อมด้วยพิสูจน์หลักฐาน เพื่อเก็บเสื้อต้องสงสัยดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์ เพื่อหาผลดีเอ็นเอในเสื้อ ว่าตรงกับผู้ใดและเกี่ยวข้องกันหรือไม่

คดีน้องชมพู่

ด้านนายไชย์พล วิภา  ลุงของน้องชมพู่ กล่าวว่า กรณีสื่อและเจ้าหน้าที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในหมู่บ้านกกกอก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี และชาวบ้านส่วนใหญ่จะอยู่กันแบบง่าย ๆ  ส่วนการทำงานของสื่อที่อยู่ในพื้นที่พยายามนำเสนอในไทม์ไลน์ของลุง ป้า และพ่อ แม่น้อง ก็เป็นหน้าที่ของสื่อที่เขานำเสนอ คนส่วนใหญ่เขาติดตามข่าว ถ้ามีสื่อในพื้นที่ถือว่าเป็นเรื่องดี เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยเหลือพวกเราได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกไปสอบตั้งแต่แรกเลย ประมาณ 4-5 วัน มีการเก็บหลักฐานบางอย่าง จากนั้นก็ไม่มีเรียกไปสอบ และได้มาเก็บหลักฐานที่บ้านเพิ่มเติม

 

ส่วนประเด็นไหนที่พ่อ แม่ เขาสงสัย เขาไม่กล้าที่จะคุยกับผม เขาคุยผ่านสื่อ ผมก็ตอบผ่านสื่อ แต่ถ้าจะมานั่งคุยกันก็พร้อมคุย ส่วนความขัดแย้งในชุมชนเป็นเรื่องเล็กน้อย คิดว่าชาวบ้านเขาอยู่อย่างอึดอัดใจ ต่างคนก็ต่างไม่กล้าทักทายกันเหมือนเมื่อก่อน กลัวจะเป็นผู้ต้องสงสัย กลัวจะมีคนสอบถาม

 

วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ ในฐานะประธานชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนคดีการเสียชีวิตปริศนาของน้องชมพู่ วัย 3 ขวบ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เจ้าหน้าที่นำหลักฐานในสำนวนการสืบสวนสอบสวน เช่น ภาพโป๊เปลือยน้องชมพู่ ผลการชันสูตรพลิกศพ หลุดมาให้นายอัจฉริยะ เรืองรัตพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ค

คดีน้องชมพู่

ทนายรัชพล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายอัจฉริยะ ได้ไลฟ์สดผ่านเพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม มีการนำภาพศพเปลือยของน้องชมพู่มาเผยแพร่ ตนเองสงสัยว่าภาพดังกล่าวหลุดออกมาได้อย่างไร เพราะอยู่สำนวนการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ จึงเรียกร้องให้มีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และหากพบว่าตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องต้องลงโทษอย่างหนัก เรื่องนี้สะท้อนถึงผลการทำงานของตำรวจ เชื่อว่าเป็นภาพที่ออกมาจากชุดสืบสวน

 

“เชื่อว่าสิ่งที่นายอัจฉริยะ ทำเพื่อต้องการเรียกยอดไลค์ยอดแชร์ การนำภาพแบบนี้มาลงไม่เป็นประโชน์อะไรกับสังคม จะมาวิเคราะห์ได้อย่างไรในเมื่อนายอัจฉริยะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่เป็นวิศกร ย้ำว่าถ้านายอัจฉริยะมีความผิดฐานดูหมิ่นศพ ตำรวจที่ส่งภาพให้ต้องถูกดำเนินคดีฐานสนับสนุนการกระทำความผิด ยืนยันไม่มีความขัดแย้งกับนายอัจฉริยะ”นายรัชพล กล่าว

 

พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าสำนักงาน รอง.ผบตร. มารับเรื่องไว้ และจะดำเนินการพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป