ผบ.พล.ร.5เบิกตัว’จ่าจำปา’เยี่ยมมารดาป่วยติดเตียงหลังสั่งจำขัง45วันเหตุจะฝ่าด่านไปเยี่ยมแม่-ปะทะคารมผู้ว่าฯตรัง เมียวอนลดหย่อนโทษ ธารน้ำใจแห่ช่วยนับแสนบาท

ผบ.พล.ร.5เบิกตัว’จ่าจำปา’เยี่ยมมารดาป่วยติดเตียงหลังสั่งจำขัง45วันเหตุจะฝ่าด่านไปเยี่ยมแม่-ปะทะคารมผู้ว่าฯตรัง เมียวอนลดหย่อนโทษ ธารน้ำใจแห่ช่วยนับแสนบาท

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2563   ที่บ้านเลขที่ 25/6 ถนนรัชชูปภา ต.ห้วยยอด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค ผบ.กองพลทหารราบที่ 5 ต.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช สั่งการให้ พ.อ.เฉลิมพล เทโหปการ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ จ.ตรัง นำกระเช้าและเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่ง ไปมอบให้กับ นางสุกาญจน์ทิพ จำปา อายุ 61 ปี ผู้ป่วยติดเตียง มารดา ของ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ จำปา หรือ “จ่าจำปา” ทหารสื่อสารประจำหมวดกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 5 ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร ต.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช  ที่ถูกสั่งจำคุกเป็นระยะเวลา 45 วัน จากกรณีโต้เถียงกับนายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง โดยมีแพทย์จากโรงพยาบาลค่ายเทพสตรีศรีสุนทร มาตรวจร่างกาย นอกจากนี้ยังนำตัวจ่าจำปามาพบมารดาอีกด้วย เมื่อแพทย์ตรวจร่างกายเสร็จ จ่าจำปา ได้โผเข้ากอดมารดาพร้อมก้มกราบก่อนหลั่งน้ำตาซึม ทำเอาเจ้าหน้าที่ทหารที่ไปด้วยต่างตื้นตันใจ

 

ด้านพ.อ.อภินันท์ แจ่มแจ้ง เสนาธิการกองพลทหารราบที่ 5 เปิดเผยว่า ผู้บัญชาการทหารบกได้เน้นย้ำว่าการเดินทางข้ามจังหวัดต้องได้รับการอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาและต้องใช้วาจาที่สุภาพหากได้รับการตรวจที่จุดคัดกรองและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ประจำจุดคัดกรอง แต่การมาเกิดเหตุการณ์โต้เถียงกับ ผวจ.ตรัง จนถูกคณะกรรมการตัดสินมีความผิดและถูกลงโทษ อย่างไรก็ตามทางกองพลทหารราบที่ 5 จะดูและมารดาของจ.ส.อ.พีรศักดิ์ เป็นอย่างดี และขอให้ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ อย่าเกิดความเครียด เพราะทางหน่วยงานให้ความช่วยเหลืออยู่ในขณะนี้แล้ว

 

น.ส.กัญญาวรรณ โท่ธรรม อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/14 ถ.วัดคลองน้ำเจ็ด ต.ทับเที่ยง จ.ตรัง ภรรยา “จ่าจำปา” กล่าวว่า วันนี้ก็รู้สึกดีใจที่เขามาเยี่ยม ก็ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาเยี่ยมเยอะขนาดนี้ ตนแค่อยากเรียกร้องความยุติธรรมให้เขา การที่เขายื่นเอกสารชี้แจง ตนก็ไม่คิดว่าเขาจะผิดขนาดนั้น แต่ตอนนี้ทุกหน่วยทุกองค์กร พี่ๆทหารของเข้าก็เข้ามาช่วยเหลือเยอะมาก ตนขอขอบคุณแทนแม่ แทนพี่เขาด้วย ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง เขาก็ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมแม่อีกเลย และไม่ได้โทรคุยกันเลย ตนเองก็ไปเยี่ยมไม่ได้ เพราะด่านยังไม่เปิด อีกอย่างตนต้องดูแลส่วนตรงนี้ด้วย ปกติถ้าเขาอยู่ก็จะมีการวนเวียนเข้ามาดูแลกัน

จ่าจำปา

เขาก็ยังมีข้อสงสัยอยู่ อยากรู้ว่าการที่เขาอธิบาย มันเป็นเรื่องที่ผิดมากขนาดนั้นเลยหรอ แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์พุดคุยกับใครได้นอกจากตน ก็ต้องทำไปตามที่ได้รับคำสั่งมา ซึ่งจากที่ฟังเขาพูดระบายกับตน ก็ดูเหมือนเขาอึดอัด ก่อนหน้านี้ตนก็รู้สึกเครียดมาก นอนไม่หลับ ไม่รู้จะหาทางออกจากไหน แต่ตอนนี้ก็มีหน่วยงาน เพื่อนๆพี่ๆที่ทำงานกับเขา ก็ได้ติดต่อ ให้กำลังใจ ช่วยเหลือตรงนี้ ตนก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา อาการแม่ตอนนี้ก็ดีขึ้นจากเมื่อก่อน

 

ก็รู้สึกคิดถึงสามี เพราะปกติเราจะมีการดูแลแม่ด้วยกัน โดยแบ่งเป็นช่วงเช้า เขาไปทำงาน ตอนเย็นก็กลับมา หากมีงานด่วนที่กองร้อยก็จะไป ส่วนมากก็จะไปกลับทุกวัน หากแม่มีนัดกับหมอเขาก็จะลากับ ผบ.ร้อย เขาก็จะมีใบนัดประกอบกับการลา มีภาพส่งประจำ ตนก็เข้าใจเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่ยังติดใจ แฟนไม่เคยคิดที่จะใช้สิทธิ์การเป็นทหารมาใช้ เขาแค่อยากยื่นว่าเขามีหนังสือ แต่ตรงนั้นยังเรียกเขาไปอีก ตนก็คิดว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องมีอารมณ์โมโหบ้าง เพราะตอนนั้นเขารีบที่จะพาแม่ไปหาหมอด้วย บางทีเขาก็ผิดที่ไปใช้กิริยาแบบนั้นกับผู้ว่าเพราะความรีบด้วย

 

“สิ่งที่อยากเรียกร้องตอนนี้อยากให้เขาพิจารณาความผิดใหม่ มันเป็นเรื่องที่ผิดขนาดนั้นเลยหรอ เขาแค่อธิบาย แต่ก็ยอมรับว่าเขามีอารมณ์ขึ้นมา เพราะเขาเป็นห่วงแม่ อยากให้ลดหย่อนโทษหน่อยก็ยังดี บำเหน็จบำนาญ ก็เป็นขวัญกำลังใจของทหารในการที่ไปทำงานเสี่ยงต่อชีวิต มาลดแบบนี้ก็ไม่ค่อยโอเครเท่าไร อีกอย่างเรื่องนี้ ผบ.ร้อย ก็โดนไปด้วย ตนก็สงสารเขาด้วย เพราะไม่ใช่ความผิดของเขาเลย แต่เขาก็ไม่เคยโทษลูกน้องเลย” ภรรยาจ่าจำปากล่าวปิดท้าย

 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ  เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกรณีศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีการพูดกันถึงปัญหาความลักลั่นของหน่วยงาน อย่างกรณีผู้ว่าฯตรัง กระทบกระทั่งกับ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ ที่พยายามผ่านด่านตรวจ  ว่า ทางศบค.ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งได้มอบให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ไปช่วยดูแลด้านนี้ ความจริงการขนส่งสินค้าสามารถทำในระหว่างเคอร์ฟิวได้ แต่บังเอิญกรณีนี้มีซ้อนกัน 3 ประเด็นจึงทำให้เจ้าหน้าที่ลำบากใจ คือ 1.เป็นการขนส่งในเวลาเคอร์ฟิว 2.ข้ามจังหวัด และ 3.ไม่ใช่สินค้าที่เราเข้าใจกัน หรือยกเว้น ซึ่งกรณีอย่างนี้นายกฯได้สั่งการแล้วว่า ควรจะมีการผ่อนผัน ผ่อนคลาย หรือให้เขาช่วยจัดระเบียบปรับให้เข้าหลักเกณฑ์  ทั้งนี้ โดยหลักแล้วรัฐบาลเอื้อและส่งเสริมให้ทำแบบนี้ เพียงแต่ว่าควรให้เป็นระเบียบแบบแผนหน่อย ไม่เช่นนั้นจะเกิดการแอบอ้างกันขึ้น คือเอาอะไรขนส่งไปก็ได้  ดังนั้น ข้อสั่งการในวันนี้คือพยายามไปคลี่คลายให้ดีๆ อย่าใช้อารมณ์

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีที่ นายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าฯตรัง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด่านย่อย พื้นที่ระหว่างนั้นปรากฏว่า มีชายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร อ้างว่ามีหนังสือรับรองการเดินทางช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  พยายามจะผ่านด่านเข้า จ.ตรัง จนเกิดการปะทะคารมกันขึ้น เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 63 ที่ผ่านมา ทำให้ ทางผบ.พล ร.5 ได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว และเมื่อวันที่ 17 เม.ย .กองพลทหารราบที่ 5 ได้มีหนังสือด่วนที่สุด แจ้งผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ได้พิจารณาว่ามีความผิดจริง ฐานขัดคำสั่งและทำผิดนโยบายผู้บัญชาการทหารบก โดยได้ลงทัณฑ์ จำขัง จ.ส.อ.พีรศักดิ์ จำปา สังกัด ร้อย ลว.ไกล 5 ที่เรือนจำมลฑลทหารบกที่ 43 (มทบ.43) 45 วัน และส่งไปศูนย์ฝึกธำรงวินัย กองทัพภาคที่ 4 (มทบ.41) พร้อมงดบำเหน็จประจำปี 2563 ครึ่งปีหลัง พร้อมทั้งย้าย ผบ.ร้อย ลว. ไกล 5 ที่เป็นผู้บังคับบัญชา จ.ส.อ.พีรศักดิ์ มาปฏิบัติหน้าที่ บก.พล ร.5 และให้ รองผบ.ร้อย ลว.ไกล 5 ทำการแทนผบ.ร้อย ลว.ไกล 5 ตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. เป็นต้นไป

จ่าจำปา

ขณะที่ เมื่อเช้าวันที่19 เม.ย.ผู้ใช้เฟซบุ๊ก สัมพันธ์ ดำจันทร์ อดีตผู้บังคับบัญชาของ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ จำปา ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพหญิงคนหนึ่งที่นอนป่วยติดเตียง พร้อมระบุข้อความว่า “ผมเคยเป็นหัวหน้าคนนี้ ชื่อเล่น จ่าจำปา ทำงานดีครับ ตรงไปตรงมา เป็นทหารเหล่าแพทย์อยู่ทุ่งสง เขาต้องมีความจำเป็นต้องเข้าออกเส้นทางเส้นนี้ เพื่อต้องไปดูแลแม่ซึ่งนอนติดเตียง ใช้เครื่องออกซิเจนช่วยหายใจ เขาต้องเดินทางทุกวัน มาทำงานสายบ้าง ช้าบ้าง ผมก็เข้าใจเขา เราทุกคนเข้าใจ ผมอยากออกมาให้กำลังใจเขาตรงนี้ว่า จ่าจำปา เป็นบุคคลที่มีความกตัญญู รู้คุณบิดามารดา ใช้เส้นทางเดินทางไปกลับบ้านตรงนี้มานับสิบปี ผมขอให้น้องจำปา จงต่อสู้เข็มแข็งนะครับ ขอให้ทุกคนช่วยแชร์ และเป็นกำลังใจให้เขาด้วยครับ จ่าสิบเอก พีรศักดิ์ จำปา”

 

หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่และแชร์ออกไป ชาวโซเชียลต่างรู้สึกเห็นใจ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ และเป็นห่วงว่ามารดาของจ่าซึ่งช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เพราะขณะนี้ลูกชายอยู่ระหว่างถูกลงโทษจำขัง บางคนวิพากษ์วิจารณ์ผู้ว่าฯตรังใช้ดุลยพินิจอย่างไม่เหมาะสม

 

ทั้งนี้ หลังจากที่ ร.ท.สัมพันธ์ ดำจันทร์ ทหารชุดปฏิบัติการ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 4 ซึ่งเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาของ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ ได้โพสต์ ข้อความให้กำลังใจ  “จ่าจำปา” กับเรื่องที่เกิดขึ้น จากนั้นได้มอบหมายให้ จ.ส.อ.ประทวน งามสิน ซึ่งทำงานที่เดียวกับ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ เป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือและให้กำลังใจครอบครัว โดยทำหน้าที่รับเงินโอนผ่านบัญชีธนาคาร แทน จ.ส.อ.พีรศักดิ์ ที่ถูกจำขัง ซึ่งพบว่า มีธารน้ำใจจากทหารชั้นผู้น้อยด้วยกันเอง และประชาชนทั่วไป หลั่งไหลบริจาคกันเป็นจำนวนมากกว่า1แสนบาท