‘กิตติศักดิ์-เน็ตไอดอล’เดินหน้าร้องผบช.น.ฟันวินัย-อาญาตำรวจสน.ท่าพระข้อหา’กักขังหน่วงเหนี่ยว-กรรโชกทรัพย์-ทำให้เสียชื่อเสียง’เหตุตั้งด่านยัดยารีดเงิน1.5หมื่น

‘กิตติศักดิ์-เน็ตไอดอล’เดินหน้าร้องผบช.น.ฟันวินัย-อาญาตำรวจสน.ท่าพระข้อหา’กักขังหน่วงเหนี่ยว-กรรโชกทรัพย์-ทำให้เสียชื่อเสียง’เหตุตั้งด่านยัดยารีดเงิน1.5หมื่น

เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2563  ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ทนายรัชพล ศิริสาคร ประธานชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม พร้อมด้วย นายกิตติศักดิ์  ชูเพียร ดีเจอิสระ และ เน็ตไอดอลชื่อดัง เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.ภัคพงษ์  พงษ์เภตรา ผบช.น. เรียกร้องให้ลงโทษทางวินัย และอาญา กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าพระ  ตำรวจบ้าน และอาสาสมัคร รวม 7-8 นายหลังมีพฤติกรรมตั้งด่านเรียกเก็บเงินแลกการปล่อยตัวข้อหาเสพยาเสพติด

 

โดยนายกิตติศักดิ์  เปิดเผยว่า เมื่อวันที่28 มีนาคม ที่ผ่านมา ตนขับรถไปเจอด่านย่านฝั่งธนบุรี แต่ถูกตำรวจเรียกตรวจปัสสาวะ แต่ผลตรวจหน้าด่านไม่แสดงผล จากนั้นจึงไปตรวจที่โรงพยาบาลปรากฏว่าเป็นฉี่สีม่วง ตำรวจจึงเอาเอกสารผลการตรวจมาแสดงที่หน้าด่าน ก่อนตำรวจจะเรียกเก็บเงิน 3หมื่นบาท เพื่อแรกกับการปล่อยตัว แต่ตนเองไม่ยอมเพราะมั่นใจว่าไม่ผิด ไม่เคยเสพยาเสพติด จนกระทั่งมาต่อรองที่โรงพักเหลือ 2หมื่น ตำรวจต่อรองเรื่อยๆจนเหลือ 1.5 หมื่น ตนเองจึงยอมโอนให้เพื่อตัดปัญหา จากนั้นประมาณ 2-4ชั่วโมงในวันเดียวกัน จึงได้ไปตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลอื่นอีก2แห่ง ซึ่งผลเป็นลบไม่พบฉี่ม่วง จึงปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินคดีกลับกลุ่มตำรวจดังกล่าว

 

ด้านนายรัชพล ศิริสาคร  กล่าวเรียกร้องให้ดำเนินคดีในกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ในข้อหา กักขังหน่วงเหนี่ยว กรรโชคทรัพย์ และกลั่นแกล้งบุคคลหนึ่งคนใดให้ถูกดำเนินคดี พร้อมเรียกร้องค่าเสียหาย เพราะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

 

พล.ต.ท.ภัคพงษ์   กล่าวว่า  เบื้องต้นสอบปากคำผู้เสียหายแล้ว และรับเรื่องไว้ หลังจากนั้นจะส่งไปตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ ส่วนตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องได้มีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และย้ายมาช่วยราชการที่ บก.น.7 แล้ว

 

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 29 มี.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) กล่าวว่า กรณี นายกิตติศักดิ์  ชูเพียร  ได้โพสต์ข้อความพร้อมคลิปเสียงระหว่างโทรศัพท์ ระบุว่าในช่วงเวลา 01.00 น. วันที่ 28 มีนาคม ขณะที่ตนขับรถอยู่นั้น ได้ไปเจอด่านตรวจยาเสพติดของ สน.แห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจปัสสาวะ และผลตรวจออกมาแจ้งว่าปัสสาวะเป็นสีม่วง ซึ่งผู้โพสต์ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกเงินจำนวน 15,000 บาท เพื่อไม่ดำเนินคดี ซึ่งเรื่องนี้ พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.7 ได้สั่งให้ ผกก.สน.ท่าพระ ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมาปฏิบัติราชการประจำ ศปก.บก.น.7 หากผลการตรวจสอบพบว่ามีมูลความผิดจะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด

 

รองโฆษก ตร.กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ให้นโยบายในการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย โดยขอให้ทางผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนพื้นที่ที่เกิดเหตุ เพื่อสอบสวนและพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น หากพบว่าตำรวจกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง ได้สั่งการให้ดำเนินคดีต่อตำรวจนอกรีตพวกนี้อย่างเด็ดขาด ในทุกฐานความผิด พร้อมทั้งลงทัณฑ์ทางวินัยอย่างถึงที่สุด ไม่เอาไว้เป็นเยี่ยงอย่าง

 

ด้าน พ.ต.อ.ปรีชา เพ็งเภา ผกก.สน.ท่าพระ ชี้แจงว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 28 มี.ค. ฝ่ายงานป้องกันปราบปรามได้ตั้งด่านบริเวณปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 7 เพื่อป้องกันการแข่งรถ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย ประกอบด้วย ร.ต.ท. 1 นาย, ด.ต. 1 นาย, ส.ต.อ. 1 นาย, ส.ต.ท. 1 นาย และอาสาสมัครตำรวจบ้าน 2 นาย เข้าตรวจสอบสารเสพติดนายกิตติศักดิ์ ชูเพียร ปรากฏว่าผลตรวจสารเสพติดภายในร่างกายเป็นบวก เมื่อนำตัวส่ง รพ.วิชัยเวช (หนองแขม) ผลยืนยันว่ามีสารเมทแอมเฟตามีนอยู่ภายในร่างกาย ซึ่งฝ่ายผู้ร้องได้ยื่นข้อเสนอให้ตำรวจทำการปล่อยตัว โดยเสนอเงินให้ จากนั้นทางผู้ร้องได้ไปตรวจด้วยตัวเองซ้ำปรากฏว่าไม่พบสารเสพติด จึงได้ให้ทนายความเรียกร้องเงินจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับ

 

พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวว่า เบื้องต้นได้ทำเรื่องเสนอตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.7 พิจารณาให้ตำรวจที่ถูกกล่าวหาไปปฏิบัติราชการที่ บก.น.7 จนกว่าผลการพิจารณาการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วเสร็จต่อไป