ปฏิรูปแบบ’ลุงตู่’!กก.ปฏิรูปฯ คุยฟุ้งโครงการทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจ ให้คำปรึกษาปชช..-ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ได้รับการตอบรับอย่างดี พร้อมขยายเพิ่ม

ปฏิรูปแบบ’ลุงตู่’!กก.ปฏิรูปฯ คุยฟุ้งโครงการทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจ ให้คำปรึกษาปชช..-ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ได้รับการตอบรับอย่างดี พร้อมขยายเพิ่ม

เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2563 ที่สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ บางเขน คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ร่วมกับสภาทนายความฯ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน กรรมการปฏิรูปประเทศ, ว่าที่ร้อยตรี ดร.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความและกรรมการปฏิรูปประเทศ, นายวันชัย รุจนวงศ์ กรรมการปฏิรูปประเทศ, พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน  รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, นายอนุพร อรุณรัตน์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ และตัวแทนอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจ ร่วมแถลงข่าวโครงการทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจ ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมตามแผนปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน ได้รับการช่วยเหลือและคำแนะนำด้านกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญาอย่างเสมอภาคสอดคล้องตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 258 ง (1)

 

โดยพล.ต.ท.อำนวย กล่าวว่า ทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจ จะมีบทบาทหน้าที่ 1.ให้ความรู้และเป็นที่ปรึกษาทั้งกฎหมายอาญาและกฎหมายแพ่ง 2.ให้ความรู้และเป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับการแจ้งสิทธิตามกฎหมายของผู้ต้องหา, ผู้เสียหาย หรือประชาชน 3.ให้ความรู้และเป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ 4.ไกลเกลี่ยกรณีข้อพิพาท โดยที่ผ่านมาเริ่มโครงการตั้งแต่เดือน ส.ค. 2562 ตลอดระยะเวลาที่ดำเนินการมาต้องบอกว่าไม่มีตรงไหนเลยที่ไม่ดี ไม่มีตรงไหนเลยที่ประชาชนได้รับความเสียหาย นอกจากจะได้รับประโยชน์ ในส่วนของการเดินหน้าโครงการต่อไปก็จะต่อเนื่องปี 2564

 

ว่าที่ ร.ต.ถวัลย์ กล่าวว่า ในส่วนของสภาทนายความเองก็ดำเนินการอย่างเต็มที่ ในการจัดหาและอบรมทนายความประจำสถานีตำรวจ ขณะนี้ก็ได้ประจำอยู่ใน 150 สถานีทั่วประเทศ  โดยการที่มีทนายความประจำสถานีตำรวจก็ช่วยแบ่งเบาภาระของตำรวจและได้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทนายความที่เราอบรม สำหรับการประจำสถานีตำรวจนั้นก็ต้องมีประสบการณ์มาหลายปี

 

ด้าน นายวันชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวได้เริ่มนำร่องไปแล้ว 150 สถานีทั่วประเทศ ได้รับผลตอบรับดีก็จะขยายให้มีทนายประจำสถานีตำรวจทั่วพื้นที่แต่อาจไม่ใช่ประจำทุกโรงพัก เพราะโรงพักบางแห่งมีเหตุมาปรึกษาน้อยก็จะไม่คุ้มค่าในแง่การนั่งประจำโรงพัก แต่ในส่วนนี้เราจะใช้วิธีให้มีทนายประจำจุดโรงพักแห่งหนึ่ง แล้วในโรงพักพื้นที่ใกล้เคียงก็ใช้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์แทน เพื่อให้เป็นการเข้าถึงโรงพักทั่วประเทศ

 

ขณะที่ พล.ต.ต.สุคุณ กล่าวว่า บอกได้ว่าโครงการนี้ได้รับการตอบรับจากภาคประชาชนเป็นอย่างดี ซึ่งการให้คำปรึกษาทางกฎหมายนั้น ประชาชนที่มาสถานีก็มีความจำเป็นในเรื่องการขอคำปรึกษา โดยไม่มีค่าใช้จ่าย รวมทั้งบางเรื่องที่ในการสอบสวนจะต้องใช้ทนายความที่จะดำเนินการทางกฎหมาย โดยก่อนหน้านี้เราเคยมีปัญหาในการจัดหาทนายความ แต่วันนี้เมื่อมีโครงการทนายความประจำโรงพักแล้ว ก็สามารถให้บริการประชาชนทั้งในส่วนของผู้เสียหายและผู้ต้องหา ซึ่งเราก็มีการสำรวจความพึงพอใจกับผู้มาใช้บริการทนายความประจำสถานีตำรวจ ก็พบว่ามีประมาณเฉลี่ย 4-5 รายต่อวัน ขณะที่พนักงานสอบสวนเองที่ต้องทำการสอบสวนก็ได้รับความร่วมมือจากทนายความอย่างดี โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอขอบคุณรัฐบาลและสภาทนายความฯ รวมทั้งพร้อมที่จะขยายโครงการในสถานีตำรวจอีกหลายแห่งตามที่สภาทนายความฯ แจ้งไว้

 

ส่วน นายอนุพร กล่าวว่า ดีใจที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดไว้ และรัฐบาลได้มาดำเนินการจนทำให้ประชาชนได้ลดความเหลื่อมล้ำ เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม เข้าถึงการบังคับใช้กฎหมาย เข้าถึงการปฏิบัติตามกฎหมาย ได้รับรู้ถึงสิทธิต่างๆ โดยทนายความประจำสถานีตำรวจนี้อยากจะให้พัฒนาเป็นนิติสาธารณะ หรือทนายความสาธารณะ ไม่ใช่เพียงที่เรียกทนายอาสา โดยเราในฐานะทนายความยินดีจะเป็นส่วนช่วยเกิ้อกูล งานของตำรวจและดูแลสารทุกช์สุขดิบประชาชนๆ ที่ผ่านมา ในส่วนของทนายความเองก็ได้มีการจัดอบรมซึ่งส่วนนี้ก็ต้องใช้งบ โดยนายกสภาทนายความฯ ก็บอกว่า จะใช้งบ 1.7 ล้านบาทให้คุ้มที่สุด ต้องขอบคุณรัฐบาลที่ให้งบมาและขอสนับสนุนงบต่อไป โดยต่อไปคาดหวังว่าจะพัฒนาเป็นทนายความสาธารณะ ที่ให้มีจิตสาธารณะเน้นแสวงหาข้อเท็จจริงขึ้นสู่การพิจารณา

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังแถลงข่าวแล้วคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทยด้านกระบวนการยุติธรรมได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจบางเขน เพื่อดูงาน ซึ่งเป็น 1 ในพื้นที่นำร่องของทนายความประจำสถานีตำรวจพื้นที่นครบาล 35 สถานี