จับตาคดีปิดปาก!ศาลปราจีนฯนัดฟังคำพิพากษา27ส.ค.นี้คดี’ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร’เหยื่อถูกซ้อมทรมานโดนตร.ร่วมก๊วนฟ้องกลับ

จับตาคดีปิดปาก!ศาลปราจีนฯนัดฟังคำพิพากษา27ส.ค.นี้คดี’ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร’เหยื่อถูกซ้อมทรมานโดนตร.ร่วมก๊วนฟ้องกลับ

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2562 ศาลจังหวัดปราจีนบุรีได้สืบพยานคดีหมายเลขดำที่ อ.1285/2561 ซึ่งนายฤทธิรงค์ ชื่นจิตร ถูกดาบตำรวจนายหนึ่งฟ้องกลับในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยคดีนี้สืบเนื่องจากคดีที่นายฤทธิรงค์ ฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 ที่นายฤทธิรงค์ถูกตำรวจซ้อมทรมานบังคับให้สารภาพในข้อหาวิ่งราวทรัพย์   ที่นายฤทธิรงค์ไม่ได้กระทำความผิด และเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2561 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจยศพันโทที่ซ้อมทรมานนายฤทธิรงค์ ไปแล้ว คดีอยู่ในชั้นอุทธรณ์ มีกำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 เวลา 09.00 น.

 

แต่ระหว่างพิจารณาคดีดังกล่าวของศาลชั้นต้น  เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจยศดาบตำรวจ ที่ถูกนายฤทธิรงค์ ฟ้องว่าทำร้ายร่างกายตนด้วยการตบศีรษะอย่างแรง และในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลพิพากษายกฟ้องดาบตำรวจนายนี้ เพราะขาดอายุความ เนื่องจากการทำร้ายร่างกายนายฤทธิรงค์ เพียงเล็กน้อยโดยดาบตำรวจนายนี้มีอายุความฟ้องคดีเพียง 1 ปี เป็นเหตุให้ดาบตำรวจคนดังกล่าวฟ้องกลับนายฤทธิรงค์  ในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ ต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี เป็นคดีคดีหมายเลขดำที่ อ.1285/2561

 

ฝ่ายโจทก์ (ดาบตำรวจ) นำสืบพยาน 3 ปาก ได้แก่  ตัวโจทก์และเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก2 นาย ซึ่งโจทก์อ้างว่าอยู่ภายในรถร่วมกับโจทก์และจำเลย (นายฤทธิรงค์ฯ) ระหว่างนำตัวจำเลยไปค้นของกลางในวันเกิดเหตุ  โดยพยานทั้งสามปากเบิกความในทำนองเดียวกันว่า ในวันเกิดเหตุโจทก์ไม่ได้ตบศีรษะหรือทำร้ายร่างกาย

 

ฝ่ายจำเลยนำสืบพยาน 2 ปาก ได้แก่ ตัวจำเลย (นายฤทธิรงค์) และนายสมศักดิ์ บิดาจำเลย โดยจำเลยได้เล่าเหตุการณ์ที่ตนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อมทรมานและเหตุการณ์ภายในรถระหว่างที่ตนถูกควบคุมตัวเพื่อไปค้นของกลาง ยืนยันว่าตนได้ถูกโจทก์ตบบริเวณศีรษะอย่างรุนแรงจนทำให้รู้สึกมึน ส่วนการซ้อมทรมานตนในห้องสืบสวนนั้นโจทก์ไม่ได้มีส่วนร่วม   นายสมศักดิ์ ชื่นจิตร บิดานายฤทธิรงค์ ได้เบิกความยืนยันว่าจากเหตุการณ์ที่นายฤทธิรงค์ถูกซ้อมทรมานรวมทั้งเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นทั้งหมดในวันเกิดเหตุนั้น เป็นเรื่องร้ายแรงจนเป็นเหตุให้นายฤทธิรงค์ ป่วยเป็นโรค PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) ซึ่งเป็นอาการเครียดอย่างมากหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ

 

โดยได้รับการตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาโดยแพทย์ของสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต  และบิดานายฤทธิรงค์ได้เบิกความถึงความยากลำบากในการร้องเรียนต่อหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกชายมานานเกือบสิบปีแต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรมจึงได้มีการฟ้องคดีและการตรวจรักษาลูกชาย อีกทั้งยังได้เบิกความถึงอนุสัญญาต่อต้านการซ้อมทรมานเพื่อให้รัฐไทยได้ปกป้องเหยื่อจากการถูกซ้อมทรมานและดำเนินคดีเพื่อลงโทษผู้กระทำความผิด

 

ศาลปราจีนบุรีนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 27 สิงหาคม 2562  เวลา  9.00 น.

 

นายฤทธิรงค์ ชื่นจิตร
นายฤทธิรงค์ -นายสมศักดิ์

คดีดังกล่าวเป็นคดีสำคัญและถือเป็นคดีฟ้องเพื่อปิดปากเหยื่อซ้อมทรมาน ถูกตำรวจฟ้องกลับ มีหน่วยงาน และองค์กรต่าง ๆ ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และเข้าร่วมสังเกตการณ์คดี เช่น เจ้าหน้าที่จากUNOHCHR (สำนักงานข้าหลวงใหญ่ว่าด้านสิทธิมนุษยชน) และ ICJ (คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล) รวมทั้งมีนักข่าวติดตามทำข่าว ในวันที่ 9 ก.ค. ที่ศาลได้ทำการสืบพยานคดีนี้ด้วย

 

ทั้งนี้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม พบว่า เหยื่อของการทรมานหลายราย หลังจากเผยแพร่ ข้อเท็จจริงที่ตนถูกทรมาน แสวงหาความเป็นธรรมโดยการร้องเรียน แจ้งความร้องทุกข์ หรือฟ้องร้อง ดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดแล้ว กลับถูกเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท แจ้งความเท็จ ฟ้องเท็จ หรือเบิกความเท็จ ซึ่งถือเป็น”คดีปิดปาก” ไม่ให้เหยื่อของการทรมานเข้าถึงความยุติธรรม หรือไม่กล้าร้องเรียนการ กระทำผิดของเจ้าหน้าที่ อันจะมีผลทำให้ปัญหาการซ้อมทรมานไม่ได้รับการแก้ไข

 

ดังนั้นรัฐบาลจึงควรมีมาตรการอย่างจริงจัง ในการคุ้มครองเหยื่อหรือพยานของการซ้อมทรมาน เพื่อให้ เป็นไปตามพันธกรณีที่ประเทศไทยมีอยู่ตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน ข้อ 13 ให้รัฐภาคีแต่ละรัฐประกันว่า ปัจเจกบุคคลที่อ้างว่าตนถูกทรมานในอาณาเขตใดก็ตามที่อยู่ภายใต้เขต อำนาจของรัฐนั้น มีสิทธิที่จะร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจของรัฐนั้น และที่จะท่าให้กรณีของตนได้รับการ พิจารณาตรวจสอบโดยพลัน และโดยปราศจากความล่าเอียงโดยเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจของรัฐนั้น ให้ด่าเนินขั้นตอนทั้งปวงเพื่อประกันว่า ผู้ร้องทุกข์และพยานได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากการประทุษร้ายหรือการข่มขู่ ให้หวาดกลัวทั้งปวงอันเป็นผลจากการร้องทุกข์หรือการให้พยานหลักฐานของบุคคลนั้น

เครดิตภาพ : AI Thailand