เครือข่ายประชาชนฯจี้จับคนร้ายฆ่า’ผู้กองวัชรินทร์’เรียกร้องรัฐบาลหลังเลือกตั้งปฏิรูปตำรวจ

เครือข่ายประชาชนฯจี้จับคนร้ายฆ่า’ผู้กองวัชรินทร์’เรียกร้องรัฐบาลหลังเลือกตั้งปฏิรูปตำรวจ

วัชรินทร์

เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2562 เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (คป.ตร.) หรือ Police Watch ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้เเร่งจับตัวผู้บงการสังหาร ร.ต.อ. วัชรินทร์ เบญจทศวรรษ โดยเร็วและทำคดีอย่างตรงไปตรงมา โดยระบุว่า เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ เสียใจและตกใจอย่างยิ่งกับเหตุการณ์สังหาร ร.ต.อ. วัชรินทร์ เบญจทศวรรษ อดีตตำรวจน้ำดีผู้รักความเป็นธรรม ช่วยเหลือประชาชน  เสียชีวิตที่หน้าบ้านในเขตเทศบาลนครสงขลา สร้างความเศร้าสลดให้กับประชาชนในจังหวัดสงขลาและคนไทยที่ติดตามเรื่องราวของอดีตตำรวจท่านนี้ผ่านสื่อ social media
เป็นที่ทราบกันดีว่าสังคมไทยยังต้องเผชิญปัญหาความไม่เป็นธรรม ประชาชนเดือนร้อนจากการทุจริตประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ในทุกจังหวัด  มีการสร้างอิทธิพลที่แตะต้องไม่ได้มาเป็นเวลาหลายสิบปี
ความไม่เป็นธรรมมิได้เกิดกับประชาชนคนยากคนจนเท่านั้น แต่ยังเกิดกับคนในเครื่องแบบที่ใช้อำนาจกับคนแวดวงเดียวกัน ทำให้การทำงานอย่างตรงไปตรงมาไม่อาจเกิดขึ้นได้  เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดีและรักประชาชนจริงๆ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้อย่างราบรื่น ต้องลาออกจากราชการ ไปทำงานอื่น หลายคนหมดศรัทธาสิ้นหวังกับคนในแวดวงดังกล่าว
ไม่ว่าคนร้ายและผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นใครก็ตาม การดักซุ่มยิงตำรวจที่มีประวัติการทำงานในหน้าที่ดีเด่นในสายตาชาวสงขลา ถือเป็นการกำจัดผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชนอีกคนหนึ่ง (Human Rights Defender) และเป็นการสูญเสียที่พึ่งของประชาชนชาวสงขลาไปอย่างน่าเสียดาย เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (คป.ตร.) จึงมีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติดังนี้
1. ให้มีการจับตัวผู้สังหารที่กระทำผิดตัวจริงพร้อมทั้งผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังมาลงโทษโดยเร็ว และขอให้การสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา
2. เรียกร้องให้รัฐบาลหลังการเลือกตั้งทำการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะในเรื่องของตำรวจตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน มาตรา 258 และ 260 ตามที่รอคอยกันมาห้าปี เพื่อเปิดทางให้ตำรวจที่มุ่งมั่นกระทำดี มีกำลังใจในการทำงาน มีความกล้าหาญที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างมีศักดิ์ศรีตลอดไป
3. การทำหน้าที่ของ ร.ต.อ. วัชรินทร์ เบญจทศวรรษ และตำรวจอีกหลายคนควรได้รับการเชิดชูเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ คอยคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้กับประชาชน ไม่ควรถูกกำจัดออกไปจากสังคม
คป.ตร. ยังเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบคดีนี้จากส่วนกลาง เพื่อร่วมกันหาตัวคนร้ายตัวจริงมาลงโทษ และขอให้เจ้าหน้าที่ ดำเนินคดีในทุกกรณี อย่างสุจริตเที่ยงธรรม เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียเช่นนี้อีกต่อไป
มีรายงานความคืบหน้าคดีคนร้ายบุกยิง ร.ต.ท.วัชรินทร์ เบญจทศวรรษ เสียชีวิตหน้าบ้านตนเองในเขตอำเภอเมืองสงขลา จากคำบอกเล่าของพยานและภาพกล้องวงจรปิด พบพาหนะคนร้ายเป็นรถเก๋งนิสสัน อัลเมร่า สีดำ และตำรวจคาดว่าคนร้ายเป็นมือปืนรับจ้าง ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มีนาคมนี้ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พร้อมตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ได้เดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้านพักของ ร.ต.อ.วัชรินทร์ ย่านถนนประสานมิตรซอย 2 ต.เขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา เพื่อดูลักษณะการก่อเหตุของคนร้าย และพูดคุยสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ จากญาติ
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้เปิดเผยความคืบหน้าของคดีนี้ว่า ได้วางแนวทางการสอบสวนไว้ 3 แนวทาง คือ เริ่มจากที่เกิดเหตุ เป็นจุดที่คนร้ายก่อเหตุซึ่งมีความคืบหน้าไปพอสมควร สองต้องเร่งหาสาเหตุ ซึ่งพบว่ามีหลายสาเหตุและมีผู้ที่เกี่ยวข้องเยอะมาก ต้องเคลียร์ไปทีละประเด็น และสุดท้ายคือด้านการข่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งหาเบาะแสของกลุ่มคนร้ายว่าเป็นกลุ่มไหน ส่วนรถของคนร้าย ตำรวจก็กำลังตามแกะรอยอยู่เช่นกัน
 พล.ต.ท.รณศิลป์กล่าวว่า แนวทางการสอบสวนยังไม่มีการตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งทิ้งไป เพราะทุกเรื่องอยู่ในข่ายที่น่าจะเป็นสาเหตุให้ถูกยิงทั้งหมด ต้องเร่งรวบรวมพยานหลักเพิ่มเติม แต่ปัญหาใหญ่ขณะนี้ทางญาติและทนายความไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร เพราะไม่ไว้ใจใคร เจ้าหน้าที่จึงยังไม่ได้ข้อมูลในเชิงลึกมากนัก ต้องทำความเข้าใจกับญาติเพื่อให้ไว้ใจการทำงานของตำรวจ ว่าจะทำอย่างตรงไปตรงมา เพื่อจับกุมคนร้ายให้ได้
ด้านพี่สาวของ ร.ต.อ.วัชรินทร์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องส่วนตัวของน้องชายมากนัก เพราะปกติก็จะติดตามทางเฟซบุ๊ก แต่มีการพูดคุยกันบ้าง และส่วนตัวเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้น้องชายถูกยิงมาจากเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับการถูกปลดออกจากราชการ ซึ่งตนก็เคยเตือนมาตลอดให้ระวัง แต่น้องชายก็ยังยืนยันไม่กลัว บอกว่าชีวิตของเขาจะขอสละเพื่อแผ่นดิน เพื่อประชาชน และจะทำเรื่องนี้จนกว่าจะตาย ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับน้องชายก่อนวันเกิดเหตุหนึ่งวัน บอกว่าอยู่ที่ศาล กระทั่งมาทราบข่าวว่าถูกยิงเสียชีวิต
ต่อมาเวลา 15.00 น. ครอบครัวและญาติของ ร.ต.อ.วัชรินทร์ ได้เคลื่อนศพ ร.ต.อ.วัชรินทร์ออกจากโรงพยาบาลสงขลาไปตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่วัดโรงวาส ในตัวเมืองสงขลา และประกอบพิธีรดน้ำศพ โดยมี พล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด อดีตรองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา เป็นประธาน ท่ามกลางผู้มาร่วมพิธีจำนวนมาก ขณะที่ภรรยาผู้ตายและลูกชายลูกสาวทั้งสองคนที่ยังเด็กอยู่ในอาการโศกเศร้าอย่างยิ่ง
 พี่สาวของ ร.ต.อ.วัชรินทร์กล่าวว่า หลังได้พูดคุยกับ ผบช.ภ.9 ก็มีความคลายใจลงมาก และเกิดความเชื่อมั่นว่าตำรวจพื้นที่สามารถคลี่คลายคดีนี้ได้โดยไม่ต้องถึงตำรวจกองปราบปราม ขณะเดียวกันก็อยากฝากไปถึงคนร้ายให้เข้ามอบตัว เพราะอยู่ไปก็ไม่มีความสุข ต้องถูกจับกุมหรือผู้จ้างวานอาจจะฆ่าปิดปาก ที่ผ่านมาก็เคยเตือนน้องชายว่าให้เลิกทำเรื่องที่ก่อศัตรู ให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติอยู่กับพี่ๆ น้องๆ เพราะคิดอยู่แล้วว่าสักวันต้องมีวันนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วเกินไป ซึ่งน้องชายยังคงยืนยันว่ามาไกลเกินไป ไม่สามารถหันหลังกลับได้แล้ว
สำหรับพิธีฌาปนกิจ ร.ต.อ.วัชรินทร์ จะมีขึ้นในวันที่ 28 มีนาคมนี้ ที่วัดโรงวาส อ.เมืองสงขลา