ศูนย์นิติศาสตร์ มธ.ชี้พ.ร.ก.ขยายการบังคับใช้พ.ร.บ.ทรมานอุ้มหายฯ ขัดรัฐธรรมนูญ ลุ้นศาลรธน.นัดวินิจฉัย 18 พ.ค.

ศูนย์นิติศาสตร์ มธ.ชี้พ.ร.ก.ขยายการบังคับใช้พ.ร.บ.ทรมานอุ้มหายฯ ขัดรัฐธรรมนูญ ลุ้นศาลรธน.นัดวินิจฉัย 18 พ.ค.

 

นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการ ได้ยื่นหนังสือความเห็นทางวิชาการกฎหมายต่อประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตามการร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมายของมูลนิธิผสานวัฒนธรรมและเครือข่ายญาติผู้สูญหายและผู้ถูกซ้อมทรมาน กรณีการออกพระราชกำหนดเลื่อนการบังคับใช้มาตราของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 จำนวน 4 มาตรา ว่าเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ

ความเห็นทางวิชาการกฎหมายของศูนย์นิติศาสตร์ ระบุหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การเลื่อนการบังคับใช้ บทบัญญัติ 4 มาตรา โดยพระราชกำหนดของรัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 172 เท่ากับศาลรัฐธรรมนูญยินยอมให้ฝ่ายบริหารยกเลิกมาตรการในการคุ้มครองความปลอดภัยสาธารณะที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติ ซี่งขัดต่อเจตนารมณ์ของพ.ร.บ. ฉบับนี้โดยทันที และจะเป็นบรรทัดฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นฝ่ายตุลาการยินยอมให้คณะรัฐมนตรีตรากฎหมายที่มีผลบังคับเทียบเท่าพ.ร.บ.ได้ตามอำเภอใจ โดยไร้ซึ่งเหตุจำเป็น และไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และมีผลทำให้ศาลรัฐธรรมนูญสามารถตัดอำนาจของรัฐสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติในการตรวจสอบการออกพระราชกำหนดของรัฐบาลอีกด้วย

นอกจากนี้ความเห็นทางวิชาการยังระบุด้วยว่า “การเลื่อนการบังคับใช้ 4 มาตรา ทำให้หากเจ้าหน้าที่รัฐไม่ปฏิบัติตามมาตรา 22,23,24, และ 25 จะไม่มีบทลงโทษแต่อย่างใด จึงเท่ากับเป็นการยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจโดยมิชอบในการควบคุมตัวประชาชน อุ้มหาย หรือซ้อมทรมาน เฉกเช่นที่ทำอย่างเคยต่อไป ดังนั้นพ.ร.ก.ฉบับนี้จึงไม่ใช่กรณี ความปลอดภัยสาธารณะ แต่คือการเลื่อนออกไปของการบังคับใช้ต่างหากที่ทำให้ไม่ปลอดภัย”

เดิมพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 จะมีผลบังคับใช้ทั้งฉบับในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 แต่ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 หนึ่งอาทิตย์ก่อนพ.ร.บ. ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ ออกพระราชกำหนดแก้ไขโดยเลื่อนการบังคับใช้มาตรา 22,23,24, และ 25 ไปเป็นวันที่ 1 ตุลาคม 2566

ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นการตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร รัฐบาลจะต้องนำพ.ร.ก.ฉบับนี้ให้รัฐสภาเพื่อพิจารณาว่าจะรับรองหรือไม่โดยทันที โดยสภาผู้แทนราษฎร มีกำหนดพิจารณาในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 แต่ในวันเดียวกัน สส.ของฝ่ายรัฐบาลจำนวน 1 ใน 5 ของจำนวนส.ส.ในวันดังกล่าว ได้อ้างอำนาจตามมาตรา 173 แห่งรัฐธรรมนูญ ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย การตราพ.ร.ก.เลื่อน 4 มาตรา ของพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ของรัฐบาลนั้นขัดบทบัญญัติมาตรา 172 วรรคหนึ่ง ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่

ต่อมา 23 มีนาคม 2566 ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้วินิจฉัย เห็นว่าคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ และในวันที่ 26 เมษายน 2566 ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมปรึกษาคดี เห็นว่าคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 เวลา 9.30 น.