‘หมอพรทิพย์’หวั่นตาชั่งเอียงตั้งแต่เริ่มต้น ยากที่ตาชั่งจะกลับมาอยู่ในดุลย์

‘หมอพรทิพย์’หวั่นตาชั่งเอียงตั้งแต่เริ่มต้น ยากที่ตาชั่งจะกลับมาอยู่ในดุลย์

เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2564 แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีตผู้กำกับสถานีตำรวจภูธร (สภ.) นครสวรรค์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกับพวกอีก 6 คน ก่อเหตุใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหาจนเสียชีวิต ว่า

แถลงข่าวจบไม่มีคำชื่นชมใดๆเกิดขึ้นกลับมีแต่ความกังวลว่าคดีนี้เริ่มมีการได้รับการช่วยเหลือ ทำไมไม่ให้ผู้ต้องคนอื่นในคดีนี้ได้พูด ทำไมคนอื่นถูกใส่กุญแจมือแต่ตัวหัวหน้าถูกผูกข้อมือด้วยวัสดุต่างกัน ฟังแต่ละคนที่ให้ข้อมูลก็ยิ่งดูเหมือนการอุ้ม รีด ซ้อม ทรมาน ยัดเยียดที่เป็นสิ่งที่มีมาคู่กับงานของตำรวจนานแล้วกลายเป็นสิ่งที่ธรรมดา ถูกต้อง ทำเพราะมีเจตนาดีเพื่อช่วยควบคุมปัญหายาเสพติด อ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพวกเฉยเลย คนเอาคลิปมาเปิดเผยกลายเป็นผู้ขัดแย้งหรือขัดผลประโยชน์กับผกก.ทันที แบบนี้ยิ่งต้องรีบปฏิรูปตำรวจด้านการอำนวยความยุติธรรมโดยเร็วที่สุด

ในชีวิตเคยตรวจสอบการตายที่ผู้ต้องหาทางใต้ หลังถูกจับไม่ถึงสองชั่วโมงก็ตายในห้องขังเบื้องต้นช่วยกันสรุปว่าขาดอากาศตาย แต่เมื่อญาติร้องขอความเป็นธรรมจึงพบว่าถูกซ้อมซี่โครงหักกดหัวใจแตก ถูกเผาไข่ตอนกำลังจะตายแต่ก็ช่วยกันสรุปเบื้องต้นว่าขาดอากาศตาย อีกคดีหดหู่คือคดีที่ผู้ต้องหาถูกอุ้มจากอ่างทองมาพบเป็นศพที่แจ้งวัฒนะกรุงเทพ แต่ทำคดีว่ามีการต่อสู้การจับกุมเลยถูกยิงตายที่แจ้งวัฒนะ ญาติร้องขอให้ผ่าศพครั้งที่สองจึงพบหลักฐานสำคัญค้างในศพคือเสื้อคนตายและหลักฐานที่บอกเวลาตายทำให้สภาทนายความในสมัยนั้นส่งทีมไปหาหลักฐานเพิ่มได้ที่อ่างทอง ว่าแท้ที่จริงถูกยิงเสียชีวิตที่อ่างทอง

ทั้งสองคดีญาติต้องเป็นฝ่ายร้องขอความเป็นธรรมและต่อสู้เอง ใช้เวลาหลายปีจนจบคดีในขั้นตอนการไต่สวนวิสามัญด้วยเงินจำนวนหลายล้าน ผู้กระทำผิดยังคงอยู่ในระบบราชการเพราะให้ฝ่ายเดียวกันตรวจสอบและ ขั้นตอนกฎหมายปล่อยให้ข้อมูลและหลักฐานถูกตัดออกไปจากสำนวนด้วยข้อกฎหมายที่เอื้อช่องว่างและการใช้ดุลพินิจ

ถ้าตำรวจยังคงเห็นว่าวิธีเดิม อุ้ม รีด ซ้อม ยัดเยียด ป้ายสี จนถึงฆ่าแล้วบอกว่าพลั้งมือเป็นสิ่งที่ไม่ผิดเห็นทีพรบ.ตำรวจที่อยู่ในชั้นการพิจารณาของกรรมาธิการและพรบ.ห้ามอุ้มหายและซ้อมทรมานก็ไม่ช่วยอะไร เนื้อหาในกฎหมายที่อยู่ในชั้นสส.มีแต่หลักการเตือน แต่ไม่มีวิธีตรวจสอบการซ้อม ตรวจสอบการตายรวมทั้งไม่มีระบบการตรวจสอบศพนิรนามด้วยหน่วยงานกลาง เห็นทีความยุติธรรมคงไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง ไม่เชื่อลองไปตามคดีเหล่านี้ดูว่าเอาตัวเจ้าหน้าที่ที่ลงมือมาลงโทษได้แค่ไหน

ต้องทำให้ตำรวจมีจิตสำนึกเคารพในสิทธิของบุคคล ถ้าเลือกทำงานในกระบวนการยุติธรรมต้องมีศรัทธาในการทำสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่เป็นธรรม ถ้ายังคงเลือกเพราะเป็นเส้นทางแห่งความมั่งคั่ง ความยุติธรรมจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้

ตาชั่งเอียงตั้งแต่เริ่มต้น ยากที่ตาชั่งจะกลับมาอยู่ในดุลย์

พรทิพย์ โรจนสุนันท์
พรทิพย์ โรจนสุนันท์