โฆษกสภาทนายฯหนุนแก้ไขป.วิอาญา ชี้บันทึกภาพและเสียงขณะตรวจค้น-สอบสวนทำให้เกิดความโปร่งใส

โฆษกสภาทนายฯหนุนแก้ไขป.วิอาญา ชี้บันทึกภาพและเสียงขณะตรวจค้น-สอบสวนทำให้เกิดความโปร่งใส

กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติผ่านร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) เตรียมเสนอฝ่ายนิติบัญญัติพิจารณาตามลำดับ เช่น การตรวจค้นในที่รโหฐานเจ้าพนักงานตำรวจ ผู้ตรวจค้น ต้องบันทึกภาพหรือวิดีโอขณะเข้าค้น มาตรา 13/2 ห้ามตำรวจ ผู้จับ นำผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาออกมาแถลงข่าวหรือจัดให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน มาตรา 117/1 หรือกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนีในระหว่างประกัน ห้ามนับระยะเวลาที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ หรืออีกนัยคือไม่หมดอายุความมาตรา ฯลฯ

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2562 ว่าที่ พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง โฆษกสภาทนายความกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวมองโดยภาพรวมจะเป็นการคุ้มครองผู้ต้องหาหรือจำเลยมากขึ้น โดยเฉพาะการบันทึกวิดีโอขณะค้น การบันทึกภาพและเสียงการสอบสวน ซึ่งทำให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการของพนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจมากขึ้น การพิสูจน์ในชั้นศาลในอนาคต คงไม่อาจอ้างได้ว่าพนักงานของรัฐไม่มีส่วนได้เสียในคดี ไม่มีอคติกับผู้ต้องหาหรือจำเลย คำเบิกความของพนักงานสอบสวนหรือตำรวจจึงรับฟังลงโทษจำเลยได้

โฆษกสภาทนายความ กล่าวต่อว่า แต่ในอนาคตต้องมีการนำเสนอภาพวิดีโอ และภาพถ่ายพร้อมเสียงประกอบการพิสูจน์การกระทำความผิดของผู้ถูกกล่าวหา และก็ไม่อาจกล่าวอ้างว่า การตรวจค้นมีการยัดของกลาง หรือการสอบสวนมีการทำร้ายร่างกายหรือข่มขู่ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งน่าจะทำให้การทำงานของเจ้าพนักงานน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองผู้ต้องหาหรือจำเลย ต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ด้วย

“การร้องทุกข์กล่าวโทษจะสามารถทำได้สะดวก รวดเร็วมากขึ้น การปฏิเสธและบ่ายเบี่ยงไม่รับแจ้งความจากเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถทำได้ ก็คงเป็นเรื่องการแก้ปัญหาที่เกิดในอดีตที่ผ่านมา การแก้ในกฎหมายชุดนี้ น่าสนใจว่า จะปฏิรูปกระบวนการทำงานของพนักงานสอบสวนหรือตำรวจได้จริงหรือไม่ และจะไม่ทำให้ตำรวจน้ำดี ต้องเสียกำลังใจในการทำงานหรือไม่” นายสมบัติ กล่าว