อยู่กันไปแบบนี้แหละดีแล้ว!’นวยนิ่ม’ประชดไม่เรียกร้องปฏิรูปตร.ประชาชนเลื่อมใสศรัทธาอย่างหาที่เปรียบมิได้

อยู่กันไปแบบนี้แหละดีแล้ว!’นวยนิ่ม’ประชดไม่เรียกร้องปฏิรูปตร.ประชาชนเลื่อมใสศรัทธาอย่างหาที่เปรียบมิได้

 

เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2564 พลตำรวจโท อำนวย นิ่มมะโน  คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก  เรื่อง โควิด – 19  กับการคิดบวก +++++ มีเนื้อหาดังนี้

ประชาชนคนไทย และมวลมนุษยชาติต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความเครียด ความหวาดระแวง หวาดกลัว ขวัญผวาจนถึงขั้นวิตกจริตไปตามๆกัน  จากด้วยเหตุเดียวกัน  คือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019   หรือ  โควิด -19

มันเป็นเชื้อไวรัสที่มาเพื่อสั่งสอนชาวโลก มาให้บทเรียนแก่ชาวโลก มาสร้างบททดสอบต่อมวลมนุษยชาติ ว่าตั้งอยู่ในความประมาทหรือไม่ ?  มีระเบียบวินัยเพียงใด? มีความสามัคคีในหมู่คณะมากน้อยแค่ไหน?  ประเทศไหนที่ประชาชนไม่มีความประมาท   มีระเบียบวินัย มีความสมัครสมานสามัคคีกัน สวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม หมั่นล้างมือบ่อยๆ พยายามเก็บตัวเพื่อหยุดเชื้อเพื่อชาติก็จะป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้เป็นอย่างดี เช่นประเทศไทยของเราจึงได้รับคำสรรเสริญเยินยอไปทั่วโลก นั้นคือข้อดีของ โควิด -19  เขาละ!!!!

มาอีกทีการแพร่ระบาดในระลอกสอง หรือระลอกใหม่แล้วแต่จะเรียก ปัจจัยการแพร่ระบาดมันไปปักหมุดลงที่แรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวนอกระบบหลบหนีเข้าเมือง บ่อนการพนัน คลับบาร์ คาราโอเกะ สถานบันเทิงเริงรมย์ต่างๆ  ซึ่งเกี่ยวข้องกับตำรวจโดยตรง  โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวนอกระบบ และบ่อนการพนัน ซึ่งผิดกฎหมายอยูในตัวจึงเป็นการยากที่จะสอบสวนโรคและหาทางป้องกันได้  ในที่สุดตำรวจก็ต้องตกเป็นจำเลยสังคม ว่าจมปลักอยู่กับอบายมุขธุรกิจสีเทา-ดำ และคำนินทา ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ คนติดเชื้อบอกว่าเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนการพนัน แต่พอตำรวจไปตรวจกลายเป็นห้องจัดเลี้ยง โกดังสินค้า คนป่วยเขาติดเชื้อโควิดนะครับไม่ใช่เป็นโรคประสาท  กระผมดูหน้านักข่าวที่ไปทำข่าวก็พอดูออกว่าเขาคิดอย่างไร? ไม่ต้องไปถามประชาชนหรอกว่ามีใครเชื่อบ้าง  ผู้บังคับบัญชากระทืบเท้าโครมๆๆ  เอาจริงลากตัวผู้เกี่ยวข้องกับบ่อน กับแรงงานเถื่อนมาลงโทษโดยเด็ดขาด ถามอีกทีมีใครเชื่อบ้าง บ่อนพระราม 3 ฆ่ากันตาย 3-4 ศพไปหลบอยู่ตรงไหน …..

เรื่องแบบนี้จะมีเกิดและดับไปในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ ความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนต่อตำรวจก็จะเกิดขึ้นพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ กระผมจะไม่เรียกร้องอีกแล้วครับว่าให้ปฏิรูปตำรวจ แม้ว่าในร่าง พ.ร.บ.ปฏิรูปตำรวจ..(ฉบับอาจารย์มีชัยฯ) ที่ยกร่างเสร็จมาร่วมสองปีแล้ว  ได้กำหนดให้มีคณะกรรมคณะหนึ่งซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจะเป็นผู้ตรวจสอบ ไม่ใช่ให้ตำรวจสอบกันเองแล้วเงียบไป!!!  คณะกรรมการคณะดังกล่าวชื่อว่า “คณะกรรมการรับเรื่องราวร้องเรียนข้าราชตำรวจ” หรือ ก.ร.ตร.  เป็นบุคคลภายนอกผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มาจากการสรรหา สืบสวนสอบสวนเอง บ่อนจะกลายเป็นสถานที่จัดเลี้ยง กลายเป็นโกดังได้ก็ให้มันรู้ไป และมีอะไรอีกมากมายที่จะทำให้องค์กรตำรวจดีขึ้นเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนอยู่ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวซึ่งแรกๆกระผมคิดว่าถูกเอาไปดองไว้ แต่ตอนนี้ชัดว่าถูกเอาไปใส่หม้อถ่วงน้ำ หรือไม่ก็ฝังดิน(ลืมที่ฝัง)ไปแล้ว  กระผมจะไม่ขอเรียกร้องให้นำกลับมา ไม่ขอเรียกร้องให้ทำการปฏิรูปตำรวจให้เปลืองน้ำลายอีกต่อไป   อยู่กันไปแบบนี้แหละดีแล้ว ประชาชนเลื่อมใสศรัทธาอย่างหาที่เปรียบมิได้……  อาเมน