ตร.เริ่มคดีบอสใหม่ชงฟ้อง3ข้อหาฟัน21ตร.บกพร่องประสานอินเตอร์โพลล่าผู้ร้ายข้ามแดน

ตร.เริ่มคดีบอสใหม่ชงฟ้อง3ข้อหาฟัน21ตร.บกพร่องประสานอินเตอร์โพลล่าผู้ร้ายข้ามแดน

 

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) วันที่ 27 ส.ค. 2563 พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผช. ผบ.ตร.)ในฐานะรองประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำสำนวนคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง แถลงความคืบหน้าการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ว่า หลังจากคณะกรรมการฯ ตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วจึงได้รายงานพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในเบื้องต้นว่า คณะกรรมการฯ ได้พบพยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดีน่าจะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาได้ ซึ่งเป็นพยานที่เกี่ยวข้องกับผู้เชี่ยวชาญด้านความเร็ว และพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่ามีการเสพยาเสพติด แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด จึงเสนอ ผบ.ตร.ให้แจ้งข้อเท็จจริงดังกล่าวรวมทั้งพยานหลักฐานใหม่ไปยังอัยการสูงสุด

 

นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ได้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ผบ.ตร.ทราบ 2 ประการ เป็นข้อเสนอแนะ ประการแรก คณะกรรมการฯ พบข้อเท็จจริงอันสำคัญในคดีที่สามารถนำไปสู่การลงโทษผู้ต้องหาได้ ในข้อหาขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และพยานหลักฐานในเรื่องการเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2โดยมีข้อเสนอให้ บช.น.ดำเนินคดีกับนายวรยุทธ พร้อมทั้งให้นำประเด็นที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาด้วย และคณะกรรมการฯ ได้เสนอข้อบกพร่องของตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการทำสำนวนคดีเดิมจำนวน 11 นาย และพบข้อบกพร่องใหม่ จำนวน 10 นาย โดยมอบหมายให้ ผู้บังคับการกองวินัย ไปพิจารณาว่าผู้ใด หรือ กรรมใด ได้เคยถูกลงโทษไปแล้วบ้าง เพราะตามกฎหมายไม่สามารถดำเนินการทางวินัยซ้อนกันสองครั้ง ในเรื่องการดำเนินการทางวินัยมอบหมายให้ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือ คณะกรรมการสืบสวนทางวินัย ขณะเดียวกันคณะกรรมการฯ ได้มีบันทึกแจ้ง ผบ.ตร. เกี่ยวกับการพบหลักฐานใหม่ ให้บช.น. บก.น.5 และผกก.สน.ทองหล่อ ดำเนินการตามการด้วย

 

พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า วันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอถอนหมายจับเดิม และขอออกหมายจับ นายวรยุทธใหม่ ใน 3 ข้อกล่าวหา สำหรับขั้นตอนต่อไปภายหลังศาลอนุมัติออกหมายจับ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และระเบียบ ตร.ที่เกี่ยวข้อง และไม้เกี่ยวข้องกับคดี พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ก็มีจะมีการแจ้งไปยังกองทะเบียนประวัติอาชญากร หรือ ทว. เพื่อออกประกาศสืบจับ และมีหนังสือไปยังกองการต่างประเทศ หรือ ตท. เพื่อประสานไปยังองค์กรตำรวจสากล ในการติดตามตัวนายวรยุทธ และส่งเรื่องไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งตรงนี้เป็นตามระเบียบปฏิบัติโดยปกติอยู่แล้ว

 

“ในส่วนความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับนายวรยุทธ ขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้สอบปากคำพยานผู้เชี่ยวชาญด้านความเร็ว จำนวน 10 ปาก และพยานผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับยาเสพติด จำนวน 4 ปาก ซึ่งดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าพนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการได้ภายในสัปดาห์หน้า”

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงการสอบพยานผู้เชี่ยวชาญใหม่ในด้านความเร็ว 4 คน พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า ในเรื่องประเด็นเกี่ยวกับความเร็วมีการสอบปากคำผู้เชี่ยวชาญด้านความเร็ว 4 ปาก คือ พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์(สบ4) สพฐ. นายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ ผู้เชี่ยวชาญด้านจราจร และ นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม ส่วนเรื่องการเปิดเผยรายละเอียดนั้น ตอนนี้เป็นสำนวนการสอบสวนแล้ว วันที่มีการแถลงข่าวมีการเขียนไว้บนกระดานเรียบร้อย ว่ามีใครให้ความเร็วเท่าไหร่ ซึ่งทั้ง 4 คน ยังยืนยันตามคำให้การที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงสอบสวน อันไหนที่ขัดแย้งให้ถือว่าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นอันถูกต้อง เนื่องจากเป็นคำให้การครั้งหลังสุด โดยมีความเร็วตั้งแต่ 125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 144 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และก็ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกินกว่ากฎหมายกำหนด แม้จะมีความแตกต่างในการคำนวณ

 

เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่ที่ถูกเสนอข้อบกพร่องจำนวน 10 รายมีใครบ้างนั้น พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ เพราะว่าเดี๋ยวเขาจะมาฟ้อง มีทั้งเกษียณและยังไม่เกษียณ มีอดีต ผบช.น.รวมอยู่ด้วย คณะกรรมการชุดเราชี้หมด พบอะไรก็บอกตรงๆ ผิดไม่ผิดอีกเรื่อง อยู่ในรูปคณะกรรมการวินัยที่มี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ตั้งขึ้น ส่วนคนที่เกษียณไปแล้ว ต้องไปดูในเรื่องของความผิดว่าเกี่ยวเนื่องอย่างไร แต่ถ้าเป็นวินัยไม่ได้เพราะจบแล้ว แต่เราก็ต้องถอดบทเรียนออกมาว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนกรณีอดีต ผบช.น.ที่บกพร่องนั้น เป็นในเรื่องไม่ควบคุมสั่งการ

 

พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้มีการเสนอให้ตั้งกรรมการวินัยแล้ว ถ้าเราพบข้อเท็จจริงในระหว่างสอบ ทางกองวินัยก็จะเสนอตั้งกรรมการวินัยร้ายแรง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีบุคคลเข้าข่ายวินัยร้ายแรง แต่ต้องมีการลงรายละเอียดอีกที ส่วนการสอบสวนคณะทำงานของ พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พบว่าใครบกพร่องหนักที่สุดนั้น ต้องรอคณะกรรมวินัยร้ายแรงสรุป แต่มีบกพร่องแน่นอน ส่วนจะหนักหรือไม่ อยู่ที่กองวินัยจะเป็นคนชี้ ส่วนการติดตามตัวและจะมีการเรียกครอบครัวของนายวรยุทธ มาให้ปากคำนั้น เป็นเรื่องของ สน.ทองหล่อ

 

ด้านพล.ต.ต.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ (ตท.)กล่าวว่า ในส่วนของตท. วันนี้ได้รับหนังสือจาก สน.ทองหล่อ แจ้งให้ทราบว่ามีการออกหมายจับนายวรยุทธ อยู่วิทยา 3 ข้อหา จึงได้ประสานมายังตท. เพื่อดำเนินการในส่วนการประกาศสืบจับ ทั้งนี้ทาง ตท. เป็นฝ่ายอำนวยการด้านนิติต่างประเทศ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมีกรณีที่ผู้ต้องหากระทำความผิดทางคดีอาญาเกิดขึ้นและหลบหนีไปต่างประเทศ โดยไม่แน่ชัดว่าหลบหนีไปประเทศใด แนวทางการสืบหาเพื่อนำตัวบุคคลดังกล่าวกลับมาดำเนินคดี เพื่อให้ศาลลงโทษ จะมีขั้นตอนในการทำหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการประสานงานกับกระทรวงต่างประเทศ และขั้นตอนตำรวจสากล

 

พล.ต.ต.วรวัฒน์ กล่าวอีกว่า กรณีการออกหมายแดง เพื่อสืบหาแหล่งที่อยู่บุคคลที่ถูกฟ้องแล้วหลบหนีไป มีเจตนารมณ์ที่จะให้ควบคุมตัวเพื่อนำตัวกลับมาฟ้องร้องดำเนินคดีรับโทษต่อศาลตามช่องทางผู้ร้ายข้ามแดน เป็นนัยยะตาม ป.วิอาญามาตรา 141 วรรค 4 กระบวนการทำคำร้องดังกล่าวมีระเบียบที่เกี่ยวข้อง คือ การปฏิบัติเรื่องของการออกหมายสากลสีแดงนั้น ให้ทำขึ้นกรณีที่พนักงานอัยการได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาหรือศาลได้ตัดสินลงโทษผู้กระทำความผิด เมื่อได้รับแจ้งจากพนักงานอัยการ หรือหน่วยงานหนึ่งหน่วยงานใด ให้ตท. พิจารณาร้องขอ ประกาศตำรวจสากลสีแดง ตามหลักเกณฑ์ที่องค์การตำรวจสากลกำหนด ซึ่งต้องเป็นผู้ต้องหาที่ถูกฟ้องแล้ว มีอัตราโทษเกิน 2 ปี อย่างไรก็ตาม ตท.จะประสานงานกับ สน.ทองหล่ออย่างใกล้ชิด เมื่อพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง แล้วพนักงานอัยการได้สั่งฟ้องผู้ต้องหารายนี้แล้ว ตท.จะทำคำร้องไปยังสำนักงานตำรวจสากล เพื่อออกหมายแดงประกาศสืบจับนายวรยุทธ ต่อไป

 

เมื่อถามถึงขั้นตอนการขอหมายแดงต้องใช้เวลาในการดำเนินการมากน้อยเพียงใดจึงจะสามารถดำเนินการยื่นเรื่องไปยังองค์กรตำรวจสากลได้ ผบก.ตท. กล่าวว่า ต้องรอคำสั่งฟ้องของพนักงานอัยการ ทางกองการต่างประเทศก็จะรีบทำคำร้องไปยังองค์การตำรวจสากล ซึ่งทางตำรวจสากลก็จะมีคณะกรรมการพิจารณา เขามีหลักเกณฑ์อยู่ว่าจะออกหมายได้หรือไม่ได้ แต่ทางนี้เป็นทางคดีเชื่อว่าออกได้ ก็ให้เวลาตำรวจสากลพิจารณาในรูปของคณะกรรมการ แต่ทางเราจะทำให้เร็วที่สุด.