‘เจ้าแมกซ์’แชมป์โลกมวยไทยกลายเป็น ‘แพะ’ถูกจับขัง14 เดือน ใครรับผิดชอบ?

‘เจ้าแมกซ์’แชมป์โลกมวยไทยกลายเป็น ‘แพะ’ถูกจับขัง14 เดือน ใครรับผิดชอบ?

ยุติธรรมวิวัฒน์

             

                                                                                                                                                                                             

                ช่วงนี้มีคดีอาญาร้ายแรงและสะเทือนขวัญประชาชนรวมทั้งคดีที่น่าสนใจเกิดขึ้นหลายเรื่อง

ตั้งแต่คดี พี่เตี้ย สุนัขนักกิจกรรมแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งนักศึกษาและผู้คนที่รักสัตว์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ถูกตำรวจยศ ส.ต.ท. คนหนึ่ง อุ้มฆ่าอย่างทารุณ!

คดีนี้ในที่สุดพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุ ได้นัดหมาย ให้ตำรวจผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวมาพบในวันที่ 28 พ.ค.63

แจ้งข้อหาหลักว่า ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะและทารุณสัตว์

น่าจะหวัง ดับกระแส ความไม่พอใจของประชาชนต่อการสอบสวนที่เป็นไปอย่างล่าช้า และ ไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากได้ยินคำพูดแปลกๆ ของตำรวจผู้ใหญ่ทั้งผู้รับผิดชอบและผู้ไม่ได้รับผิดชอบหลายคน!

ทั้งที่การพิสูจน์ความจริงว่าเป็นกรณีที่เกิดจากอุบัติเหตุ พี่เตี้ยตกรถตาย หรือใครเอาไม้ทุบหัว หรือยิงด้วยปืน 4 นัด ตามที่มีผู้คน ได้ยินเสียง ในช่วงเวลาเกิดเหตุหรือไม่ เป็นเรื่องที่แสนง่าย?

เริ่มจากถ้าตำรวจเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นคนรักสัตว์และให้การตามความจริงด้วยความบริสุทธิ์ใจที่บอกว่า เป็นอุบัติเหตุ?

ก็ควรนำตัวผู้ต้องหาพร้อม รถจักรยานยนต์ของกลาง (ได้ยึดไว้หรือไม่) ไป จำลองเหตุการณ์ ณ ที่พี่เตี้ยตกรถตาย นำไปประกอบคำให้การว่า พี่นั่งอยู่ตรงไหน ขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วเท่าใด และเหตุใดจึงได้ตกจากรถ?

และเมื่อพลัดตกลงมา ล้อหลังของจักรยานยนต์สามารถ ทับครั้งเดียวจนตาย ได้ สอดคล้องกับสภาพศพหรือซากของพี่ตามที่ปรากฏภาพถ่ายและรายงานการตรวจของสัตวแพทย์หรือไม่?

แต่การที่ผู้ต้องหาไม่ยอมไปจำลองเหตุการณ์ดังกล่าว  จะมีความหมายว่าอย่างไร ผู้รับผิดชอบเองและคนทั่วไปก็คงเข้าใจได้ไม่ยาก

อีกคดีหนึ่งซึ่งอยู่ในความสนใจของผู้คนอย่างมากก็คือ  กรณี อัยการสูงสุดสั่งไม่อุทธรณ์ คดีที่ศาลยกฟ้องนายพานทองแท้ ข้อหาฟอกเงิน หลังจากที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำความเห็นแย้งคำสั่งไม่อุทธรณ์ของอัยการผู้รับผิดชอบไปเสนอให้อัยการสูงสุดพิจารณา

คดีนี้มีคำถามคาใจมากมาย เนื่องจากหลังการวินิจฉัย   อัยการสูงสุดหรือสำนักงานอัยการสูงสุดก็ไม่ได้ออกมาอธิบายว่า เหตุใดทั้งอัยการ ทั้งผู้รับผิดชอบในการฟ้องและ อัยการสูงสุด จึงสั่งไม่อุทธรณ์

เนื่องจากในตอนที่อัยการผู้รับผิดชอบสั่งฟ้องคดีนั้น ย่อมต้องแน่ใจในพยานหลักฐานแล้วว่า สามารถพิสูจน์การกระทำผิดให้ศาลลงโทษได้ จึงสั่งฟ้องไปมิใช่หรือ?

และเหตุใดเมื่อศาลพิพากษายกฟ้อง ซ้ำด้วยเสียงก้ำกึ่ง 

อัยการจึงไม่อุทธรณ์และฎีกาเพื่อให้ศาลสูงได้มีโอกาสตรวจสอบและพิจารณาให้เกิดความยุติธรรมต่อชาติและประชาชนอย่างแท้จริงอีกครั้งหนึ่ง?

ซึ่งต่อความสงสัยของประชาชนเรื่องนี้ อสส. หรือสำนักงานอัยการสูงสุด ควรออกมาอธิบายให้ผู้คนคลายความสงสัยและมั่นใจในมาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่ของอัยการผู้รับผิดชอบทุกระดับโดยเร็วด้วย

อีกคดีหนึ่งซึ่งผู้คนสนใจไม่น้อยก็คือ กรณีที่ศาลจังหวัดระนองได้พิพากษา ยกฟ้อง เจ้าแมกซ์ อำนาจมวยไทย  แชมป์สภามวยแห่งเอเชีย หรือ WBC เอเชีย รุ่นซูเปอร์ไลต์เวต

เจ้าแมกซ์ถูกตำรวจจังหวัดระนองกล่าวหาว่าร่วมกับขบวนการค้ายาบ้า 3,400,000 เม็ด ที่ถูกจับได้ในเขตอำเภอเมืองเมื่อต้นปี 2562 และ เสนอศาลออกหมายจับตามคำซัดทอดของผู้ต้องหาคนหนึ่ง

ซึ่งคดีนี้ หลังจากศาลจังหวัดระนองพิพากษายกฟ้องแล้ว อัยการก็ไม่ได้อุทธรณ์

คดีเป็นอันถึงที่สุด

เจ้าแมกซ์ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำหลังจากถูกจองจำอยู่นานถึง 14 เดือน! เนื่องจากตำรวจได้คัดค้านการให้ประกันตัว

ทำให้ ชื่อเสียงและอนาคตที่กำลังรุ่งโรจน์ในวงการมวยและสังคมพังพินาศ!          

ทันทีที่เจ้าแมกซ์ได้รับอิสรภาพ ลูกเมียและแม่พ่อที่รออยู่ได้โผเข้าไปกอดด้วยน้ำตาอาบแก้ม

พ้นจากความทุกข์ทรมานหลังจากที่ได้ช่วยกันต่อสู้และรอคอยความยุติธรรมจากศาลอยู่แสนนาน!

เจ้าแมกซ์ถูกตำรวจจังหวัดระนองเสนอ ศาลให้ออกหมายจับ ตามหลักฐานการสอบปากคำผู้ต้องหาคนหนึ่งซึ่งปรากฏว่า ได้ให้การซัดทอดว่าเป็นเจ้าของรถที่ใช้ขนค้ายาเสพติด?

รวมทั้งชี้ภาพถ่าย ที่ตำรวจนำมาให้ดูได้อย่างถูกต้อง?

ตำรวจถือหมายไปรอจับตัวแชมป์โลกมวยไทยรุ่นซูเปอร์ไลต์เวตที่สนามบินดอนเมืองขณะกำลังจะเดินทางไปชกอุ่นเครื่องที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 6 เม.ย.62

สาเหตุสำคัญที่ทำให้เจ้าแมกซ์ถูกศาลออกหมายจับ ก็มาจากการที่มีชื่อเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าซีวิค หมายเลขทะเบียน 7030 ชัยภูมิ คันที่ขนค้ายาเสพติดของกลางนั้น

แต่ในความเป็นจริง เจ้าแมกซ์ได้ขายรถคันนี้ให้นายศักดิ์ไปในราคา 50,000 บาทตั้งแต่ปี 2558

โดยเซ็น “โอนลอย” ให้ไว้

ต่อมานายศักดิ์ได้ครอบครองรถคันนี้อยู่หลายปี และต่อมาได้ขายต่อให้ ธนพร ผู้ต้องหาคนหนึ่งซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านั้นเมื่อ 13 พ.ย.2561 และธนพรก็ไม่ได้โอนเป็นชื่อของตัวเอง

ตามกฎหมาย รถยนต์คันนี้จึงยังเป็นของเจ้าแมกซ์

แต่ถ้าตำรวจได้ ออกหมายเรียก เจ้าแมกซ์มาสอบปากคำแต่แรกว่ารถยนต์คันที่ขนค้ายาเสพติดเป็นของตนเองหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ มีที่มาที่ไปอย่างไร?

ก็จะได้ความจริงเรื่องการที่เจ้าแมกซ์เคยเป็นเจ้าของและได้ขายไปแต่เมื่อใด โดยได้เซ็นโอนลอยให้ไว้กับใครอย่างไร?

หรือแม้กระทั่งตำรวจรีบร้อน หวังขยายผลตามคำสั่งของตำรวจชั้นนายพล ที่ต้องการสร้างผลงานการจับกุมยาบ้ารายใหญ่ ได้ผู้ต้องหาหลายคน!

จึงมั่วๆ นำหลักฐานด้านเดียวจากผู้ต้องหาคนหนึ่งไปเสนอศาลให้ออกหมายจับ

และแม้กระทั่งเมื่อจับตัวเจ้าแมกซ์มาได้แล้ว เหตุใดพนักงานสอบสวนจึงไม่รับฟังพยานหลักฐานที่เขาได้ชี้แจงและพยายามแสดงความบริสุทธิ์ของตน

ตรวจสอบอย่างรอบคอบและให้ครบทุกด้านก่อนสรุปสำนวนเสนอความเห็นให้อัยการสั่งฟ้อง?

หรือ ยึดหลักในทางปฏิบัติ กันว่า เมื่อได้เสนอศาลออกหมายจับและจับตัวผู้ต้องหาคนใดมาได้

ไม่ว่าสุดท้าย ความจริงจะปรากฏเช่นไร และบุคคลนั้นเป็นผู้กระทำผิดจริงหรือไม่? ก็ต้องส่งสำนวนการสอบสวนสรุปเสนอไปให้อัยการสั่งฟ้องให้ได้!

อัยการเอง เมื่อรับสำนวนเสนอความสั่งฟ้องจากตำรวจแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นคดียาเสพติดรายใหญ่ระดับยาบ้าล้านเม็ด!

เรื่องการสั่งไม่ฟ้องเพื่อ ให้ความยุติธรรม กับผู้ต้องหานั้น นับเป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากอย่างยิ่ง!

เนื่องจากพยานหลักฐานที่ตำรวจสอบพิมพ์ไว้และปรากฏอยู่ในสำนวนการสอบสวน โดยเฉพาะคำให้การของผู้กล่าวหา พยาน หรือแม้กระทั่งผู้ต้องหาทุกคน

 อัยการไทยไม่อยู่ในสภาพที่จะสามารถรู้ได้ว่า ประโยคหรือถ้อยคำใด ตรงกับความเป็นจริง” และ “ครบถ้วน ตามที่แต่ละคนพูด แม้กระทั่ง “เป็นความเท็จ” หรือไม่?

ฉะนั้น การสั่งฟ้องคดีไปเพื่อให้ศาลได้พิจารณาในการเบิกความ 

จึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยสำหรับตนเองที่สุด!.

เจ้าแม๊กซ์กลายเป็นแพะ
ขอบคุณภาพจาก news1live

 

ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์  คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ:  ฉบับวันที่ 1 มิ.ย. 2563