บ่อนพนันทำลายชาติ ตำรวจผู้ใหญ่ไม่รู้เห็นเป็นใจ เปิดไม่ได้-พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
บ่อนพนันทำลายชาติ ตำรวจผู้ใหญ่ไม่รู้เห็นเป็นใจ เปิดไม่ได้
พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
มีตำรวจถามกันมาว่า ขณะนี้การแต่งตั้งรอง ผบก.-รอง สว.ประจำปี มีความเคลื่อนไหวอย่างไร คนที่อยากย้ายหรือมีคุณสมบัติครบต้องการเลื่อนตำแหน่ง ควรทำอย่างไร?
ถ้านั่งรอนับเวลาให้เข้าเกณฑ์อาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์ อีกไม่ต่ำกว่าหกเจ็ดปีจึงจะได้ และก็ คงไม่ใช่ตำแหน่งดีเด่อะไร ทั้งลูกเมียและตนทนรอไม่ไหว เพราะไกล้เกษียณเต็มที!
ถ้าจะย้ายหรือ ลุ้น เลื่อนตำแหน่งในกลุ่ม เก่งดีมีความสามารถ บ้าง ต้องวิ่งเต้นกับใคร? เนื่องจากผู้บังคับบัญชาหัวหน้าหน่วยที่ทำงานเห็นหน้ากันอยู่ทุกวันบอกว่า สำหรับงานก็ทำตามหน้าที่ไป ส่วนการแต่งตั้งโยกย้าย เป็นคนละเรื่อง และ ไม่สามารถช่วยอะไรได้!
ถ้าจะวิ่งเต้น ควรไปวิ่งกับใคร ที่ใด ต้องเตรียมเงินไว้หรือไม่ ได้ปรึกษาเมียรวบรวมไว้จำนวนหนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าจะพอสู้กับเขาหรือไม่? ควรจ่ายก่อนหรือหลัง ถ้าจ่ายก่อนเสี่ยงเพียงใด คำสั่งจะออกเมื่อไหร่?
ขอเรียนว่า ขณะนี้ทุกหน่วยยังไม่สามารถจัดใครลงในตำแหน่งใดตามเป้าหมายได้
เนื่องจากต้องรอให้หน่วยเหนือส่งสัญญาณเดินทางไปรับ โผ จาก มือลึกลับ เสียก่อน จะได้รู้แน่นอนว่า ปีนี้แต่ละหน่วยจะเหลือ โควตา บ้างหรือไม่ จำนวนเท่าใด ตำแหน่งใดถูกล็อกไว้แล้วบ้าง?
หัวหน้าหน่วยจะสามารถจัดสรรแบ่งปันให้ รองระดับต่างๆ ที่คอยชะเง้อชะแง้ กันอยู่ได้มากน้อยเพียงใด?
แม้ปีนี้จะได้ยินนายกรัฐมนตรีบอกว่า ห้ามมิให้มี การซื้อขายตำแหน่ง อย่างเด็ดขาด!
แต่เมื่อท่านไม่ได้พูดว่า ห้ามมิให้มีการวิ่งเต้น รวมทั้งไม่ได้ “สั่ง” ให้ ผบ.ตร.ไปกำหนดหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายและเลื่อนตำแหน่งที่ชัดเจนและเป็นธรรม?
ทำให้การวิ่งเต้นก็ยังต้องเป็นไปเช่นเดิม และเป็นที่รู้กันว่า คนวิ่งมือเปล่า หรือจะมีโอกาสประสบความสำเร็จเท่ากับตำรวจประเภท ใจถึง พึ่งได้? ไม่ว่าจะวิ่งกับใครและระดับใดหรือใช้อะไรเป็นการตอบแทนก็ตาม!
และการจ่ายเงินหรือทรัพย์ต่างๆ ก็มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น โดยจะไม่ปรากฏหลักฐาน “การโอนเงินจากบัญชีตำรวจผู้ได้รับการแต่งตั้ง” เข้า “บัญชีผู้มีอำนาจออกคำสั่งหรือแม้กระทั่งผู้เกี่ยวข้องใกล้ชิดในการทำบัญชีโดยตรง” คนใด
แต่ใช้วิธีฝากผ่านตำรวจที่ไว้วางใจกันอีกทอดหนึ่ง ซึ่งจะไม่มีร่องรอยให้ใครสามารถตรวจสอบความเชื่อมโยงได้ง่ายๆ เหมือนที่ผ่านมา!
ต่อปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายและซื้อขายตำแหน่งตำรวจนี้ มีแต่การกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและเป็นธรรม รวมทั้งกระจายอำนาจเป็น ตำรวจจังหวัด หัวหน้าตำรวจพื้นที่มีอำนาจแต่งตั้งตาม อาวุโส สายงาน และ พื้นที่ โดยให้มี คณะกรรมการตำรวจจังหวัด ที่ผู้ว่าฯ เป็นประธาน เพิ่มตัวแทนหน่วยงานและองค์กรประชาชนในจังหวัดที่เหมาะสมเข้าไป ร่วมตรวจสอบให้ความเห็นชอบ เท่านั้น จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง
ช่วงนี้ปัญหา บ่อนการพนัน อบายมุขทำลายสังคม ได้กลายเป็นประเด็นในสภาขึ้นมาหลัง นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.จังหวัดมหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายในการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ว่า
มีการเปิดบ่อนการพนันใหญ่ในซอยบนถนนสีลม พร้อมแสดงภาพถ่าย ขอให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ช่วยจัดการ
นายกฯ ก็ลุกขึ้นตอบโต้ทันควันว่า ส.ส. หรือประชาชนพบบ่อนการพนัน ทำไมทำกันเพียงไปถ่ายรูปมาแสดง เหตุใดจึงไม่แจ้งให้ตำรวจจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย! อย่างไรก็ตาม ปัญหาบ่อนสีลมตามที่แจ้งนั้น ได้สั่งให้ตำรวจไปจัดการแล้ว
หลังการอภิปราย นายยุทธพงศ์ก็ได้ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหน้าห้องประชุมสภาว่า ปัญหาบ่อนการพนันไม่ได้เพียงที่สีลมเท่านั้น ยังมีอีกมากมายในกรุงเทพมหานครและทั่วประเทศ
และเหตุที่ไม่แจ้งตำรวจ ก็เพราะกลัวว่า เมื่อไปแจ้งแล้ว ตนเองจะเป็นฝ่ายถูกจับเสียมากกว่า!
ประชาชนส่วนใหญ่ได้ยินได้ฟังแล้ว เกิดอาการ จุกอก “หัวร่อมิได้ ร่ำไห้มิออก” ไปตามๆ กัน
มีทั้ง ขบขัน ต่อคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี ซึ่งจากคำพูดเช่นนี้ ทำให้ไม่มีใครแน่ใจว่า ท่านมีความเข้าใจต่อปัญหาตำรวจที่เกิดขึ้น สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนกันแทบกระอักเลือดในปัจจุบันอย่างแท้จริงเพียงใด?
ปัญหาร้ายแรงต่างๆ เกี่ยวกับตำรวจมีเกิดขึ้นสารพัดมากมาย ตั้งแต่ฝ่ายสอบสวน “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” “ไม่ยอมสอบสวนดำเนินคดี” ให้ประชาชนโดยเฉพาะคนยากจนที่เป็นผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์
ส่วนที่มีพฤติกรรมไม่ต่างจากโจรก็ไม่น้อย โดยเฉพาะฝ่ายสืบสวน
เช่น กรณีรองสารวัตรสืบสวน สภ.สุไหงปาดี กับพวก 3 คน ที่ยัดยาบ้าให้ประชาชน เพื่อรีดเอาเงิน 500,000 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 มกราคม 62
คดีนี้ ศาลทุจริตฯ เพิ่งอ่านพิพากษาจำคุกตำรวจทั้งสามไปคนละสิบปีเมื่อวันที่ 25 กันยายน 62 ที่ผ่านมา
รายนี้ที่มีเรื่องขึ้น เพราะเป็นกรณี ผู้บริสุทธิ์ถูกยัดยา
แต่ถ้าเป็นตรวจพบจริงจากผู้ค้าหรือผู้ครอบครองแล้วเคลียร์กันไป ก็คงไม่มีเรื่องราวให้เป็นข่าวอื้อฉาวให้สังคมได้รู้แต่อย่างใด
สำหรับปัญหาอบายมุขแหล่งเพาะอาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นสถานบันเทิงเถื่อนหรือเปิดเกินเวลาค้าขายยาเสพติด ค้าเด็กค้ามนุษย์ รวมทั้งบ่อนการพนันสารพัดรูปแบบที่เกิดขึ้นมากมายทำลายสังคมโดยเฉพาะเยาวชนหญิงชายตลอดมาในช่วงเวลากว่าห้าปีหลังยึดอำนาจ
หน่วยงานที่ทำหน้าที่จับกุมแทนที่จะเป็นตำรวจหน่วยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานี กองบังคับการ กองบัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง และ ศปก.สารพัด
กลับกลายเป็นบทบาทของข้าราชการพลเรือนสำนักสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง รวมทั้ง อส. และทหารในพื้นที่ต่างๆ แทน ทำงานแทนตำรวจกันอย่างแข็งขันยิ่ง
หลังการยึดอำนาจระยะแรก แหล่งอบายมุขทั่วประเทศโดยเฉพาะบ่อนการพนันสารพัดได้ปิดตัวลงแทบสนิทตามที่ หัวหน้า คสช.ออกคำสั่งคาดโทษผู้รับผิดชอบระดับต่างๆ เอาไว้ ฝ่ายทหารและผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ได้ไปตรวจยึดตู้ม้าในพื้นที่ต่างๆ ที่ผู้กระทำผิดกฎหมายได้ ขนไปเก็บพักไว้ในโกดังย่านชานเมืองได้รวมนับหมื่นตู้
แต่หลังจากนั้นไม่ถึงปี บ่อนพนันและอุปกรณ์อบายมุขเหล่านี้ ก็ได้กลับมามอมเมาประชาชนแทบจะเป็นปกติ
หลังได้รับสัญญาณให้เปิดได้ แต่อย่าให้ใหญ่เอิกเกริกถึงขนาด บ่อนโคลอนเซ่ หรือ บ่อนสุทธิสาร ก็แล้วกัน
ทหารและกรมการปกครองมี ปัญญาจับ จับไป ไม่ต้องกังวลว่าห้าเสือหรือแท้จริงคือ ห้าแพะ จะถูกดำเนินคดีอาญาหรือลงโทษทางวินัยร้ายแรงอะไร
จับแล้วก็ให้ ผบก.พื้นที่ออกคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่ ศปก.ระยะหนึ่ง ซึ่งเมื่อสื่อและประชาชนลืมเลือนแล้ว ค่อยหาทางขยับขยายย้ายไปพื้นที่อื่นต่อไป!
แหล่งอบายมุขทุกประเภทในประเทศไทย ถ้าผู้คิดจะประกอบ ธุรกิจผิดกฎหมาย คนใด ติดต่อหรือขอเคลียร์ตำรวจผู้ใหญ่แต่ละหน่วยที่รับผิดชอบไม่ได้
จะไม่มีใครเปิดแน่นอน เพราะเปิดแล้วจะไม่มีคนกล้ามาเล่น คนเป็นเจ้าของบ้านก็ไม่กล้าให้ใครมาใช้บ้านตนเป็นที่ตั้งบ่อน
เนื่องจากเป็นความผิดฐานเป็นผู้ จัดให้มีการเล่นมีโทษจำคุก และส่วนใหญ่ศาลไม่รอลงอาญา
ก็ไม่ทราบว่าท่านนายกรัฐมนตรีพอจะเข้าใจหรือไม่ว่า เหตุใดประชาชนจึงไม่แจ้งตำรวจเมื่อพบบ่อนการพนันหรือแหล่งอบายมุขผิดกฎหมายในพื้นที่ต่างๆ เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตามากมายในปัจจุบัน!.
ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ: Monday, October 21, 2019,