‘วิทยา’จี้พงส.สอบปากคำ’ประยุทธ์-จักรทิพย์’ไขปริศนาหมิ่นสตช.ซื้อขายเก้าอี้’วิรุตม์’เตือนรวบรวมพยานหลักฐานไม่ครบถ้วนส่อผิดกฎหมาย

‘วิทยา’จี้พงส.สอบปากคำ’ประยุทธ์-จักรทิพย์’ไขปริศนาหมิ่นสตช.ซื้อขายเก้าอี้’วิรุตม์’เตือนรวบรวมพยานหลักฐานไม่ครบถ้วนส่อผิดกฎหมาย

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารกรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง วันที่1สิงหาคม 2562 นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เดินทางมาพร้อมกับนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทนายความของนายวิทยา ตามที่พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน นัดส่งตัวให้พนักงานอัยการศาลแขวงกรุงเทพใต้ ในคดีที่ถูกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท จากการให้สัมภาษณ์เรื่องการซื้อขายตำแหน่ง

 

นายวิทยา กล่าวว่า ตั้งแต่เป็นสมาชิก สปท. ตนยื่นญัตติให้ตั้งกรรมาธิการศึกษาการซื้อขายตำแหน่งของ สตช. กรณีมีการจ้างวานผู้ที่ดำรงตำแหน่งระดับผู้บังคับการ ผู้กำกับ ลาออกจากตำแหน่งก่อนเกษียณ จ่ายเงินให้หวังวิ่งเต้นเสียบแทนตำแหน่งนั้น สภาฯ ตั้งกรรมาธิการฯ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตี สั่งห้ามแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่มีการลาออก เรื่องก็เงียบหายไป การแต่งตั้งคาราคาซังมา

 

นายวิทยา กล่าวต่อว่า จนตนลาออกจาก สปท. แล้ว มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าคนวิ่งเต้นรอบก่อนมาวิ่งเต้นอีกรอบแทนตำแหน่งว่าง อื้อฉาวทั่วประเทศ หลายคนจ่ายเงินแล้วไม่ได้ มาร้องเรียนกับตนหลายคน ตนก็ให้สัมภาษณ์ว่ามีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง จากนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งโยกย้ายผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ.8) และตั้งกรรมการสอบ พอเรื่องหายเงียบก็ยกหมด อีกทั้งนายกฯ ก็ให้สัมภาษณ์ขอบคุณตนที่ให้ข้อเท็จจริงต่อสังคม

 

“หลังจากเรื่องเงียบหายนาน สตช. แจ้งความร้องทุกข์หาว่าผมกล่าวหา สตช.ว่ามีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งคำๆ นี้ ผมคิดว่าเป็นคำที่ประชาชนพูดกันโดยทั่วไป ผมพร้อมเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ข้อเท็จจริง เพราะว่าถ้าไม่มีการซื้อขายตำแหน่งกันจริง ท่านนายกฯพล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ให้สัมภาษณ์ขอบคุณที่ผมออกมาพูดในเรื่องนี้ และถ้าไม่มีเรื่องอื้อฉาวในสำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 หรือภาคใดๆ ก็ตาม ผบ.ตร.ก็คงจะไม่สั่งโยกย้าย ผบช.ภ.8 ทันที” นายวิทยา กล่าว

 

นายวิทยา กล่าวด้วยว่า ตนให้การกับพนักงานสอบสวนขอให้สอบปากคำ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ว่าขอบคุณตนเรื่องอะไร กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่ย้าย ผบช.ภ.8 มีเหตุจูงใจอะไร พนักงานสอบสวนบอกไม่สามารถสอบปากคำทั้ง 2 ปากได้ ตนไม่เข้าใจเพราะอะไร ทั้ง 2 คนจะไขปริศนาทั้งหมดว่าตนหมิ่นหรือไม่ จะฟ้องก็ไม่เป็นไร ถึงศาลแล้วเป็นสิทธิที่ตนจะขอเรียกทั้ง 2 ปาก มาให้การในชั้นศาล ส่วนในวันนี้จะร้องอัยการให้เรียกทั้ง 2 ปากให้การ

 

เมื่อถามถึงการยื่นประกันตัว นายวิทยา กล่าวว่า ได้มอบตัวในชั้นตำรวจแล้ว ไม่หลบหนี เมื่อแสดงตนแล้วก็ได้ปล่อยกลับ

 

หลังเสร็จสิ้นการรายงานตัว อัยการได้นัดให้นายวิทยา มาฟังคำสั่งต่อไปในวันที่ 4 ก.ย.นี้

 

ด้านพ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร  เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม(สป.ยธ.) กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นกรณีที่ สตช.ได้ “แจ้งความร้องทุกข์” กับพงส.สน.ปทุมวัน ให้ดำเนินคดีนายวิทยา ข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นธรรมดาที่ พงส.จะต้องสอบสวนเสนอให้อัยการสั่งฟ้อง แม้จะไม่แน่ใจว่าเป็นความผิดหรือไม่  เนื่องจากพงส.เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ สตช.ผู้แจ้งความ นี่เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไข

 

“การที่นายวิทยาบอกว่าพงส.ไม่สอบนายกฯเป็นพยานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนตามที่ขอ ถือว่ารวบรวมพยานหลักฐานไม่ครบถ้วนหมิ่นเหม่ต่อการทำผิดกฎหมายต้องร้องให้อัยการสั่งสอบสวนเพิ่มเติม และถ้าสุดท้ายอัยการไม่มั่นใจว่านายวิทยากระทำความผิดที่จะสามารถพิสูจน์ให้ศาลลงโทษได้  ก็ควรสั่งไม่ฟ้อง โดยไม่ต้องกังวลว่า ผบ.ตร.จะมีความเห็นแย้งส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณา ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขต่อไปอีกเรื่องหนึ่งด้วย”พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าว

 

ก่อนหน้านี้  พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา รรท.ผกก.ฝอ.8 บก.อก.บช.น. ไปแจ้งความร้องุทกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ให้ดำเนินคดีกับ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ คณะบดีวิทยานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และพ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรอง ผบก.ภ.จว.ชัยนาท ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีการเสวนาขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) หัวข้อเรื่อง”ตำรวจไทย มีไว้ทำอะไร” เมื่อวันที่ 26 ม.ค.60 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯด้วย