งามไส้!ที่แท้’ตำรวจปคบ.’รับส่วยธุรกิจยาลดความอ้วนเดือนละ2หมื่น รองผบ.ตร.ขึงขังดำเนินการตรงไปตรงมา

งามไส้!ที่แท้’ตำรวจปคบ.’รับส่วยธุรกิจยาลดความอ้วนเดือนละ2หมื่น รองผบ.ตร.ขึงขังดำเนินการตรงไปตรงมา

จากกรณีมีข่าวการแอบอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เรียกรับเงินเดือนละ 20,000 บาท เพื่อการประกอบธุรกิจขายยาลดความอ้วน  ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบริษัท ดี.ดี.คอสเมด จำกัด โรงงานผลิตยาลดความอ้วน อาหารเสริม ยาไวอะกร้า พร้อมทั้งตรวจยึดของกลาง ทั้งยาลดความอ้วน อาหารเสริม วัตถุดิบที่ใช้ผลิตยา สารต้องห้ามและอุปกรณ์ในการผลิตยาลดความอ้วนจำนวนมาก เลขที่ 65 หมู่ที่ 7 ต.สงเปลือย อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ และควบคุมตัวนางวสภัสสร สุลำนาจ อายุ 52 ปี อดีตเภสัชกร ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทดังกล่าวนั้น

 

เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2562 เฟซบุ๊ก “สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค” เผยแพร่เอกสารข่าว สคบ. เรื่อง ความคืบหน้าล่าสุด “รู้ตัวคนอ้าง สคบ.เรียกเงินฯแล้ว” เนื้อหาระบุว่า จากกรณีข่าวแอบอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูง สคบ.เรียกรับเงินเดือนละ 20,000 บาท เพื่อการประกอบธุรกิจขายยาลดความอ้วน ที่ได้มีการนำเสนอไปเมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) นั้น วันนี้ (7 ก.ค.) มีรายงานความคืบหน้าแจ้งให้ทราบดังนี้

 

“เจ้าหน้าที่ สคบ.ได้เดินทางไปยัง จ.กาฬสินธุ์ เพื่อหาข้อเท็จจริงและร่วมสอบสวนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจากการตรวจสอบพยานหลักฐาน การสอบสวนผู้ต้องหาและผู้ที่เกี่ยวข้องจากกรณีดังกล่าว ทราบว่าผู้ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง สคบ.นั้น ที่จริงแล้วเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ซึ่งมีที่ทำการอยู่ ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ ชั้น 4 ซึ่งตรงกับที่ผู้ต้องหาให้การเมื่อถูกจับกุม “ขณะนี้ทราบชื่อและยศของนายตำรวจดังกล่าวแล้ว” หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมจะนำมารายงานให้ทราบในโอกาสต่อไป”

 

นายปฐวี เยาวลักษณ์ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า วันที่ 7 ก.ค. ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการ สคบ. ให้ลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริงในกรณีที่ผลิตและจำหน่ายยาลดความอ้วน ซึ่งมีการกล่าวอ้างว่ามีการจ่ายผลประโยชน์ให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ สคบ.ที่ส่วนกลางเดือนละหมายหมื่นบาท โดยจากการสอบปากคำผู้ต้องหาในเรื่องดังกล่าว ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาลดความอ้วนดังกล่าวจริง

 

“ส่วนกรณีการจ่ายผลประโยชน์ให้เจ้าหน้าที่ สคบ.นั้น จากการสอบพบว่าเป็นการเข้าใจผิด และตัวผู้ต้องหาเองก็ยันยืนว่าไม่ได้สั่งสารผลิตยา จำหน่ายยา และจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ของ สคบ. แต่คาดว่าน่าจะเป็นการเข้าใจผิดในการจำชื่อของหน่วยงาน ซึ่งมีชื่อย่อที่คล้ายๆ กัน เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องสืบสวนและขยายผลต่อไป”นายปฐวี กล่าว

 

ด้านนางวสภัสสร สุลำนาจ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหา กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ที่เป็นคนจัดหาสารผลิตยา และให้ขายยาลดความอ้วนและอาหารเสริมให้ รวมถึงทางโรงงานได้จ่ายเงินให้เดือนละ 20,000 บาทนั้นเป็นเรื่องจริง แต่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ปคบ. ไม่ใช่ สคบ. ซึ่งอยู่ที่ชั้น 4 ตึกสำนักงาน สคบ. ตนสามารถชี้ตัวและจำหน้าได้อย่างแน่นอน

 

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิระชัย  ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.  แถลงข่าวผลการทลายโรงงานผลิตยาลดความอ้วนและเครือข่ายผู้จำหน่ายยาลดความอ้วน หลังเกิดกรณี น.ส.มรกต เจริญกิจ อายุ 30 ปี ชาว อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เสียชีวิตหลังสั่งยาลดความอ้วนจากคลินิกออนไลน์ในเพจ “OBECARE” มารับประทาน

 

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้มีการสืบสวนสอบสวนจนทราบว่ากรณีนี้มีการทำเป็นขบวนการ ล่าสุดสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ครบถ้วน ตั้งแต่ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายยาลดความอ้วน รวมจำนวน 7 คน ประกอบด้วย น.ส.อัญมณี หีบแก้ว ซึ่งเปิดบัญชีรับโอนเงิน มีเงินหมุนเวียนในบัญชีมากกว่า 34 ล้านบาทในรอบปี, นางต้อย เจ้าของโรงงานผลิตยาลดความอ้วน (บริษัท ดี.ดี.คอสเมด จำกัด), หมอเดียร์ เจ้าของคลินิก ซึ่งเป็นลูกสาวของโรงงานผลิตยาลดความอ้วน, ผู้ร่วมกิจการ 2 คนคือ น.ส.ปลา และนายต่อ หุ้นส่วน โอบีแคร์ รวมถึงผู้ส่งยาลดความอ้วนอีก 2 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่านายจิรายุส พลศิริ เป็นคนไปส่งยาลดความอ้วนที่ไปรษณีย์เภตรา จ.ปทุมธานี ให้กับผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ น.ส.ปลา, นายต่อ และผู้ส่งยาจะได้รับค่าจ้างจากหมอเดียร์เดือนละ 300,000 บาท

 

“โรงงานผลิตยาที่ จ.กาฬสินธุ์ พบเป็นโรงงานที่ผลิตยาลดความอ้วนผิดกฎหมายรายใหญ่ที่สุดของประเทศ นอกจากนี้ยังพบความเชื่อมโยงว่าเดิมทีเจ้าของโรงงานเป็นขบวนการที่เคยตั้งโรงงานผลิตยาลดความอ้วน “ลีน” ในเครือเมจิกสกินที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งถูกตำรวจบุกเข้าทลายโรงงาน จึงมาสร้างโรงงานใหม่ที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยในวันที่เข้าตรวจค้น พบลูกจ้างกำลังเผาทำลายยาไซบูทรามีนอยู่ 5 จุด โดยสูตรยาทุกตัวที่ผลิตจากโรงงานมีส่วนผสมของไซบูทรามีนทั้งสิ้น และจะใช้วิธีจ่ายยาเป็นชุด เพื่อกดอาการข้างเคียงของไซบูทรามีนจำนวน 7 ชนิด อาทิ ยานอนหลับ แก้อาการนอนไม่หลับ ยาระบาย เพื่อแก้อาการท้องผูก และยาแก้อาการใจสั่นให้รับประทานไปควบคู่กัน หากบริโภคเข้าไปปริมาณมาก อาจจะส่งผลให้ระบบไตและตับทำงานหนักและวายเฉียบพลันจนเสียชีวิตในที่สุด” พล.ต.อ.วิระชัย กล่าว

 

ถามว่า เจ้าของโรงงานอ้างมีข้าราชการระดับสูงเข้ามาเกี่ยวข้องการเรียกรับผลประโยชน์ พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน จ.กาฬสินธุ์ ทำการสอบสวนแบบตรงไปตรงมา ไม่ต้องปกปิด ช่วยเหลือ หรือซ่อนเร้นผู้กระทำผิด

 

“ขอเรียนว่าที่มีข่าวว่าเป็น สคบ.นั้น เป็นข่าวมาจากไหนไม่ทราบ ผมยังไม่เคยให้สัมภาษณ์หรือให้ข่าวว่าผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นเป็นผู้ใหญ่ใน สคบ.หรือเป็นใคร แต่เมื่อสื่อมวลชนถามว่าหากมีข้าราชการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไร ก็บอกถ้ามีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการอย่างเฉียบขาด ตรงไปตรงมา ไม่ว่าข้าราชการคนนั้นจะเป็นข้าราชการหน่วยใดหรือส่วนใดก็ตาม และถ้าข้าราชการคนนั้นเป็นตำรวจ ก็จะยิ่งดำเนินการได้อย่างเต็มที่” พล.ต.อ.วิระชัยกล่าว

 

ซักว่า ทาง สคบ.ระบุผู้ที่เรียกรับผลประโยชน์เป็นตำรวจ ปคบ. พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า ในส่วนนี้ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ ขอเวลาให้ตนได้ดำเนินการตรวจสอบก่อน ซึ่งทางผู้ต้องหาที่กล่าวอ้างจะมาพบตนในวันที่ 10 ก.ค.นี้ ในฐานะผู้เสียหายคดีถูกเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน โดยขอยืนยันหากพบข้าราชการเรียกรับสินบนจริง จะต้องถูกดำเนินคดีทางวินัยและอาญาอย่างถึงที่สุด