‘ป้อม’สั่งตร.แจงปมถูกแหกตาคืนโฉนด สตช.ปัดสร้างภาพ ‘นิพิฏฐ์’ข้องใจความผิดยอมความไม่ได้ตร.ใช้อำนาจอะไรไกล่เกลี่ยคดี

‘ป้อม’สั่งตร.แจงปมถูกแหกตาคืนโฉนด สตช.ปัดสร้างภาพ ‘นิพิฏฐ์’ข้องใจความผิดยอมความไม่ได้ตร.ใช้อำนาจอะไรไกล่เกลี่ยคดี

เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.62 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกล่าวถึงกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  โพสต์ข้อความระบุว่ามีการสร้างภาพเพื่อหลอกผู้ใหญ่ในรัฐบาล อักษรย่อ ป. ในการดำเนินโครงการ มอบโฉนดที่ดินคืนให้ชาวบ้าน และทำเป็นว่ามีการจับกลุ่มเจ้าหนี้เงินกู้รายใหญ่ เพื่อให้รองนายกฯ เป็นผู้มอบโฉนด ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเรื่องนี้​ และได้ตอบไปแล้ว​ รวมทั้งเขาได้มีการพูดคุยกับนายนิพิฏฐ์ เรียบร้อยแล้ว และชี้แจงแล้ว

 

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)  กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวหากเห็นว่าตำรวจปฎิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องประชาชนก็สามารถฟ้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเรื่องนี้ละเอียดอ่อน และตำรวจปฎิบัติหน้าที่เต็มที่ เพราะเป็นความเดือดร้อนของประชาชน โดยไม่ทราบนัยยะว่าผู้ที่โพสต์ต้องการอะไร เพราะก็เป็นนักการเมือง แต่หากมีการติเตียนตำรวจก็ยินดีรับฟังอะไรที่ไม่ถูกต้องก็นำมาปรับการทำงานอยู่แล้ว

 

ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวจะจริงเท็จอย่างไรนั้น ส่วนตัวเชื่อมั่นในการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชา โดยเฉพาะ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผบ.ตร. กำกับดูแลเรื่องดังกล่าว พร้อมระบุได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นายนิพิฎฐ์ โพสต์ หากเห็นว่ามีเจตนากล่าวหาหรือต้องการใส่ร้ายตำรวจ ก็จะให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าจะมีการฟ้องกลับหรือไม่

 

ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโยผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ไม่ได้มีการสร้างภาพอย่างแน่นอน เพราะการทำงานของตำรวจเป็นไปตามขั้นตอนและไม่ได้ทำงานหน่วยเดียว แต่บูรณาการร่วมกันกว่า 6 หน่วยงาน ไม่สามารถใช้เอกสารที่ดินปลอมมาคืนให้กับประชาชนได้ แต่อย่างไรก็ตามเบื้องต้นได้ประสานกับทางนายนิพิฎฐ์ แล้ว ซึ่งยอมรับว่ามีการโพสต์ข้อความดังกล่าวจริง โดยให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบ พร้อมจะมีการเชิญนายนิพิฎฐ์ มาให้ข้อมูล พร้อมประสานตำรวจภูธรภาค 9 ตรวจสอบข้อมูลตรงนี้ทั้งหมด ว่าการโพสต์ข้อความเข้าข่ายความผิดหรือไม่

 

ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ   โพสต์เฟสบุ๊ก เรื่อง “นายทุนเงินกู้นอกระบบ-คืนโฉนด ของจริงหรือแหกตา” ระบุว่าผมนำเรื่องการคืนโฉนดให้ชาวบ้านที่นายทุนยึดไว้ ของศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน สตช.(ศปฉช.ตร.)มาเล่าให้ฟังไปตอนหนึ่งแล้ว การคืนโฉนดมีเรื่องไม่จริง เป็นการสร้างภาพรวมอยู่ด้วย(ค่อนข้างเยอะ) เมื่อวันที่ 16 พค.2562 ศปฉช.ตร.แถลงว่า ตั้งแต่เริ่มดำเนินการโครงการนี้ มีการไกล่เกลี่ยไปแล้ว 24,014 ราย คืนโฉนดไป 20,360 ฉบับ เนื้อที่ 57,648 ไร่ ราคาที่ดิน 27,614,488,361 บาท

เอาอย่างนี้ครับ ตามผมมา

1.ตาม พรบ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 การให้ยืมเงินและเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และประการสำคัญตามกฎหมาย”เป็นความผิดต่อแผ่นดินที่ยอมความไม่ได้” คดีเหล่านี้เมื่อตำรวจพบการกระทำผิดต้องดำเนินคดีทันที จะไกล่เกลี่ยและระงับคดีไม่ได้ ถามว่า จำนวนที่พบการกระทำความผิดและไกล่เกลี่ยไป 24,014 รายนั้น ตำรวจดำเนินคดีไปกี่ราย หากไม่ดำเนินคดีถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ น่าสนใจนะครับ

2.จำนวนผู้ที่ทางตำรวจอ้างว่าเข้าไกล่เกลี่ย 24,014 รายนั้น ลองเปิดเผยชื่อมาดูสิครับ ประชาชนจะได้ไปสอบถามได้ว่า คุณลุง คุณป้า เหล่านั้น ได้กู้ยืมเงินนายทุนไปจริงหรือเปล่า หรือเพียงเอาโฉนดของตนเองให้ตำรวจไปแล้วให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลมาแจกโฉนดของตนเองคืน

เอาเป็นว่า เปิดเผยสถิติคดีเถอะครับ แล้วจะรู้ว่า ของจริงหรือของปลอม ผมนำเรื่องนี้มากล่าวมิได้มีเจตนาร้ายต่อตำรวจ เจตนาดีต่อตำรวจเสียด้วยซ้ำ อยากให้ตำรวจดีๆได้ทำงานอย่างสะดวกใจ ไม่เสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย ทำงานเข้าสู่ระบบที่ถูกต้องเถอะครับ และอยากให้ตำรวจมี”วิญญาณของความเป็นกบฏ” เสียบ้าง สิ่งไหนที่ผู้บังคับบัญชาสั่งและไม่ถูกต้องก็หัดเป็นกบฏเสียบ้าง ที่ออกมาพูดก็เท่านี้แหละครับ มีเรื่องอื่นอีก 2-3 เรื่อง จะเล่าให้ฟัง ค่อยว่ากันอีก

นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ

นายนิพิฏฐ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า มีผู้บัญชาการตำรวจภาค ยศ พล.ต.ท. โทรศัพท์มาคุยขอข้อมูลเรื่องนี้กับตนแล้ว ซึ่งตนก็บอกว่า เห็นด้วยกับโครงการนี้ เพราะเป็นการช่วยคนจนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งในการเริ่มต้นโครงการใหม่ๆ ก็โอเค แต่ตอนหลัง มันไม่ใช่ของจริง ซึ่งมีจำนวนเยอะมาก ดังนั้นจึงยกตัวอย่างให้ผู้บัญชาการภาคทราบ ว่าข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน สตช. (ศปฉช.ตร.) ที่ตนโพสต์เฟซบุ๊ก ที่ระบุว่า ไกล่เกลี่ยไปแล้ว 24,000 ราย คืนโฉนดไป 20,000 ฉบับ ซึ่งเป็นคดีที่ยอมความกันไม่ได้  แต่ตำรวจกลับไปไกล่เกลี่ยคดี ดังนั้น จึงอยากทราบว่า ตำรวจใช้อำนาจอะไรที่ไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย และถ้าไกล่เกลี่ยคดีไปแล้ว มีสถิติและรายละเอียดหรือไม่ เพราะฉะนั้น ตนจึงสันนิษฐานว่ากรณีนี้ไม่เป็นความจริง เพราะตำรวจไม่มีอำนาจในการไกล่เกลี่ยและต้องดำเนินคดีเท่านั้น

 

“โดยเฉพาะระยะหลัง มีการสร้างภาพ ว่าไปจับนายทุนเงินกู้มา ซึ่งจับจริงอาจจะ 1 – 2 ราย มีสัญญาเงินกู้ 5 ฉบับ ก็มีการมาต่อรองว่า ใช้สัญญาเงินกู้ 2 ฉบับพอ แล้วไปหาโฉนดที่ดินของพรรคพวกคุณมาให้ผม 20 ใบ และผมจะให้นายเขามาแจกคืน ในวันที่เขาทำพิธี พอทำอย่างนี้ คนเขาก็เดือดร้อน ว่าจะเอาโฉนดที่ดินที่ไหนไปให้ แต่เมื่อต่อรองคดี ว่าจะไม่ถูกดำเนินคดีในหลายๆกรรม เขาก็ต้องวิ่งหาโฉนดที่ดินให้ได้ มีลักษณะเช่นนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้บังคับการตำรวจภาคก็รับปากว่า จะรับข้อสังเกตของตนไว้ และจะดำเนินคดีตามความเป็นจริง ซึ่งเขาจะมีพิธีแจกโฉนด ที่ดินอีกครั้ง ในเร็วๆ นี้ ที่ จ.กาญจนบุรี” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

 

เมื่อถามว่า ทางตำรวจยอมรับหรือไม่ ว่าไม่มีอำนาจในการไกล่เกลี่ยคดีที่เก็บดอกเบี้ยเงินกู้เกินกว่ากฎหมายกำหนด นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า เขาก็ไม่ยอมรับเลยทีเดียว เพียงแต่รู้กันว่า ในทางกฎหมายที่บัญญัติไว้ ตำรวจไม่มีสิทธิ แต่พอมาแถลงว่า ไกล่เกลี่ยไปแล้ว 20,000 กว่าราย คนที่เป็นนักกฎหมาย ที่รู้กฎหมาย เขาก็แปลกใจและตั้งข้อสังเกตว่า กฎหมายกำหนดอย่างนี้ แล้วไปไกล่เกลี่ยคดีได้อย่างไร เพราะถือเป็นคดีที่ยอมความไม่ได้

 

เมื่อถามย้ำว่า จะฝากอะไรถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าจะทำนโยบายนี้ให้รัดกุมหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ตนคงไม่ฝากอะไรเป็นพิเศษ แต่การทำคดีเพื่อช่วยเหลือประชาชนคนยากคนจนเป็นสิ่งที่ตนเห็นด้วยและสนับสนุนอยู่แล้ว ในการให้รัฐบาลช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนที่ยากจน แต่ต้องทำให้ถูกต้อง ตามกฎหมายและข้อเท็จจริง ถ้าไม่ทำอย่าตรงไปตรงมา ก็จะถูกหลอกได้จากนายตำรวจบางคนที่ต้องการโชว์ผลงาน โดยไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ไม่เช่นนั้น นายหรือผู้ใหญ่จะถูกหลอกได้  หรือถ้าให้สิ่งเหล่านี้เดินหน้าต่อ เราก็ต้องยอมรับว่า มีกระบวนการต่อรองในการดำเนินคดี หรือจะไม่ดำเนินคดีอาญา แต่ต้องทำสถิติให้เขา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมาย เพราะตำรวจชั้นผู้น้อยส่วนใหญ่ลำบากใจมาก ขณะที่มีตำรวจบางนายที่สนับสนุนเรื่องนี้ โดยเน้นการสร้างสถิติ ก็เจริญเติบโตทางราชการ ดังนั้น ตนจึงขอให้ดำเนินคดีตามความเป็นจริง